นางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐฯได้เสนอปรับลดงบประมาณสนับสนุนสหประชาชาติ ประจำปี 2018-2019 เป็นจำนวนเงิน 285 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 9,690 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่เคยเสนอต่อนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ไปก่อนหน้านี้
นางเฮลีย์ให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องปรับลดงบประมาณ เพราะที่ผ่านมาสหรัฐฯใช้จ่ายเกินตัว ขณะที่สหประชาชาติเองก็ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ตนจะไม่ยอมให้ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของชาวอเมริกัน ทำให้สหรัฐฯถูกเอารัดเอาเปรียบอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดว่าการประกาศตัดเงินช่วยเหลือครั้งนี้ มีขึ้นเพื่อตอบโต้ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่ลงมติคัดค้านการรับรองสถานะ “เยรูซาเล็ม” ของสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยในจำนวน 128 ประเทศที่ลงมติคัดค้าน มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย ซึ่งทรัมป์เองก็ขู่ไว้ตั้งแต่ก่อนที่ยูเอ็นจะลงมติแล้วว่า หากคัดค้านกัน ก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ
ปัจจุบัน สหรัฐฯ ถือเป็นประเทศผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของสหประชาชาติ คิดเป็นสัดส่วน 22% จากงบประมาณหลักทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 183,600 ล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลวอชิงตันยังรับผิดชอบ 29% ของงบประมาณสนับสนุนโครงการทหารรักษาสันติภาพ ซึ่งระหว่างปี 2017-2018 มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 6,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
