เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ยูทูปเบอร์ชื่อดังชาวอเมริกันคนหนึ่งได้เข้าไปในป่าอาโอกิงาฮาระ และเผยแพร่ภาพผู้เสียชีวิตลงในวิดีโอของเขา จนเกิดกระแสตำหนิจากผู้คนในโลกโซเชียลอย่างล้นหลามถึงความไม่เหมาะสมของการไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิต โดยป่าอาโอกิงาฮาระ เป็นป่าที่ที่คนญี่ปุ่นมักจะไปฆ่าตัวตาย ในแต่ละปีจะมีคนเข้าไปฆ่าตัวตายที่ป่าแห่งนี้ประมาณ 100 คน จนเป็นที่มาของชื่อที่คนญี่ปุ่นตั้งให้ว่า "ป่ามรณะ"
สาเหตุการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มาจากภาวะเครียดจากการทำงานหนักและกดดันสูง ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการทำงานของชาวญี่ปุ่น นอกจากการฆ่าตัวตายแล้ว จำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลกก็ทำให้อัตราการเสียชีวิตของคนชราเพิ่มสูงขึ้นในทุกๆปี สวนทางกับอัตราการเกิดที่ดิ่งลง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความตายจึงขยายตัวและมีการปรับเปลี่ยนบริการให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของสังคมญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น
ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ชีวิตที่เร่งรีบ พื้นที่อยู่อาศัยมีขนาดเล็กลง ทำให้การจัดงานศพและรับแขกที่บ้านไม่สะดวกอีกต่อไป การจัดการงานหลังความตายจึงกลายเป็นหน้าที่ของบริษัทรับจัดงานศพที่มีบริการการจัดงานศพแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้เช่าสถานที่ จัดเตรียมดอกไม้ แต่งหน้าศพ ไปจนถึงอาหารของแขกที่มาร่วมงาน
ขณะที่กลางเมืองโยโกฮาม่าก็มีโรงแรมศพ ที่ดูเผินๆก็เหมือนกับโรงแรมทั่วไป แต่ความต่างคือ ที่นี่ถูกพัฒนาให้เป็นสถานที่สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกตั้งโลงศพไว้ที่บ้าน สามารถเข้ามาเช่าห้องเก็บศพที่มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ห้องเล็กๆที่สามารถเข้ามาเคารพศพได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงอพาร์ทเม้นท์ขนาด 80 ตารางเมตที่มีครบทั้งห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ และที่ตั้งโลงศพเพื่อให้ญาติๆได้ใช้เวลากับผู้เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อบอกลาตามธรรมเนียมดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น
เมื่อความตายเป็นสถานภาพของชีวิตที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่พิธีกรรมต่างๆเกี่ยวกับความตายกำลังค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่น