และเป็นอันต้องเลื่อนออกไปโดยจะมีความชัดเจนอีกครั้งในวันที่ 17 มกราคม 2561 ตามที่ นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานบอร์ดค่าจ้าง กล่าวภายหลังการประชุม ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าจะมีความชัดเจนก่อนวันที่ 15 มกราคม ในอัตราปรับขึ้นเป็นวันละ 2-15 บาท
กว่า 6 ชั่วโมง ที่คณะกรรมการค่าจ้าง ประชุมหารือกันพบว่าสาเหตุที่ยังไม่มีความชัดเจนเพราะตัวเลขที่คณะอนุกรรมการค่าจ้างแต่ละจังหวัดเสนอมายังไม่ลงตัวเนื่องจากบางจังหวัดเสนอปรับขึ้นสูงเกินไป เช่น จังหวัดบึงกาฬ และคณะกรรมการฯมองว่าบางจังหวัดที่เสนอยังมีความไม่เหมาะสม ทั้งในส่วนของค่าครองชีพ และปริมาณแรงงาน ทำให้ได้ข้อสรุปเพียงหลักการ การปรับขึ้นค่าจ้าง หรือ ค่าแรงขั้นต่ำปี 2561 เท่านั้น คือ จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั้ง 77 จังหวัดรวมกรุงเทพมหานคร แต่ยังไม่สามารถที่จะสรุปรายละเอียดอัตราค่าแรงในแต่ละจังหวัดได้ว่าควรเป็นเท่าไหร่
สาเหตุที่ทำให้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในปีนี้เป็นที่จับตา เพราะค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานไทยไม่ได้มีการปรับขึ้นมาประมาณ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2556 โดยครั้งนั้นหลังพรรคเพื่อไทยก้าวเข้ามาเป็นรัฐบาลได้ทำตามนโยบายหาเสียงว่าจะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ทุกจังหวัดทั่วประเทศ
ต่อมาในปี 2559 คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีมติขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกครั้งโดยมีผลบังคับใช้ต้นปี 2560 แต่ก็พิจารณาเพียง 69 จังหวัดเท่านั้น ตามความเหมาะสมของการจ้างแรงงานในพื้นที่และค่าครองชีพ โดยอยู่ที่อัตรา 5-10 บาท คือจาก 300 บาทต่อวันก็เป็น 305-310 บาทต่อวัน ทำให้ยังมีอีก 8 จังหวัดที่ไม่ได้ปรับขึ้น คือ สิงห์บุรี ชุมพร นครศรีธรรมราช ตรัง ระนอง นราธิวาส ปัตตานี และยะลา
จากนั้น ช่วงปลายปี 2560 นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.)ได้แสดงจุดยืนผลักดันให้รัฐบาลปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยระบุว่า ค่าแรงขั้นต่ำในปัจจุบันมี 4 ราคา คือ 300/305/308/310 บาทต่อวัน ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพทั้งตัวแรงงานและครอบครัว จึงเสนอให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600-700 บาทต่อวันพร้อมเสนอว่าการปรับค่าแรงขั้นต่ำจะต้องปรับเท่ากันทั่วประเทศเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
ครั้งนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงข้อเสนอนี้ว่า ขอเวลาก่อนและอยากให้แรงงานพัฒนาตัวเองไปสู่แรงงานที่มีฝีมือ ถ้าไม่ปรับตัวรัฐบาลคงรับไม่ไหวและพากันเจ๊งไปหมด
จากนั้นเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2561 นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นของขวัญปีใหม่แก่ผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศโดยให้คณะกรรมการค่าจ้างเป็นผู้พิจารณาเพราะตนไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่การขึ้นค่าแรงจะต้องไม่สร้างผลกระทบต่อภาคธุรกิจทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ พร้อมกับให้มีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม
จนมาถึงวันนี้การประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 19 ครั้งที่ 1/2561 จึงเกิดขึ้นซึ่งถือได้ว่าในปี 2561 เป็นการรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศครั้งใหญ่อีกครั้งคงต้องลุ้นกันว่าในอีก 7 วันข้างหน้า พี่น้องแรงงานไทยจะได้ของขวัญชิ้นนี้จากรัฐบาลประยุทธ์หรือไม่
