ตร.จ่อแถลงผล“ณิชา” เอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ หลังสอบยาว 12ชม.


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ใกล้จะมีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว ในคดีที่ น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัตรประชาชนที่ทำหายไปเปิดบัญชีเพื่อใช้หลอกโอนเงิน ล่าสุดทางตำรวจได้สอบปากคำ น.ส.ณิชา ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง และเตรียมแถลงผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

เมื่อวันที่ (15 ม.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์  ล่าสุดทางตำรวจได้เตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัย 2 คน ซึ่งคาดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว โดยพลตำรวจตรี ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก เปิดเผยความคืบหน้าคดีของ  น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์  ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงที่อ้างว่าถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร ว่า  จากการรวบรวมพยานหลักฐานขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว พร้อมมั่นใจว่าจะเสร็จสิ้นตามกรอบระยะเวลา แต่ขณะนี้ยังสามารถสรุปได้ว่า น.ส.ณิชา ตกเป็นผู้เสียหายจริงหรือไม่  โดยหลังจากนี้หากมีประเด็นที่ต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติมก็จะเรียก น.ส.ณิชา มาทำการสอบปากคำเพิ่มอีกครั้ง 

ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย ที่มีผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชี คือ นายขวัญ ทองน้อย ชาว จ.ลพบุรี และนายธีรภัทร์นนท์ งามวงษ์ ชาว จ.หนองคาย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียกไปแล้วแต่ยังไม่มีการติดต่อเข้าพบตำรวจ จึงเตรียมออกหมายเรียกเป็นรอบที่ 2 และหากยังไม่มาอีกก็จะดำเนินการขอหมายจับทันที

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้ทำการสอบปากคำ น.ส.ณิชา ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมากเป็นเวลานานกว่า 12 ชั่วโมง  หลังถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง  รวม 9 บัญชี  ซึ่งหลังการสอบสวนเสร็จสิ้น น.ส.ณิชา ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน  โดยบอกเพียงสั้นๆว่า“วันนี้มาสอบปากคำเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากที่สุด”

สำหรับประเด็นที่ตำรวจสงสัยเนื่องจากพบว่า น.ส.ณิชา ทำบัตรประชาชนถึง    4 ครั้ง โดยทำบัตรประชาชนครั้งแรก เมื่อ 26 ธันวาคม 2551 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2557  ซึ่งเป็นการขอทำบัตรใหม่ และในปี 2560 ทำบัตรใหม่อีก 2 ครั้งคือวันที่ 18 กันยายน และ 7 ธันวาคม เนื่องจากบัตรหาย แต่พบว่ามีการแจ้งความกับตำรวจไว้แล้ว  ส่วนบัตรที่ น.ส.ปวีณา ผู้ต้องหานำไปใช้เปิดบัญชี เป็นบัตรที่ทำเมื่อปี 2557 และจากการสอบสวนก็ให้การรับสารภาพว่านำไปเปิดบัญชีจริง  โดยได้รับการว่าจ้างจากนายไซมอน ให้ไปเปิดบัญชีธนาคารรวม 5 บัญชี  ในราคา 1 หมื่นบาท แต่ได้รับเงินเพียงแค่ 4,000 บาท เท่านั้น

ด้านนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1  สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับผลการตรวจสอบจากธนาคารที่เปิดบัญชี 4 แห่งแล้ว ได้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ , กรุงไทย , กรุงเทพ และกสิกรไทย  ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ได้ตรวจสอบธนาคารเพิ่มอีก 3 แห่ง คือ ออมสิน, ธนชาติ ,และทหารไทย  โดยจะประชุมหารือร่วมธนาคาร 36 แห่ง ในช่วงบ่ายและคาดว่าจะได้รับข้อสรุปว่าธนาคารมีความผิดตามกฎหมายฟอกเงินหรือไม่  ต่อไป  

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ