เมื่อวันที่ (15 ม.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ล่าสุดทางตำรวจได้เตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัย 2 คน ซึ่งคาดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว โดยพลตำรวจตรี ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก เปิดเผยความคืบหน้าคดีของ น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงที่อ้างว่าถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร ว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว พร้อมมั่นใจว่าจะเสร็จสิ้นตามกรอบระยะเวลา แต่ขณะนี้ยังสามารถสรุปได้ว่า น.ส.ณิชา ตกเป็นผู้เสียหายจริงหรือไม่ โดยหลังจากนี้หากมีประเด็นที่ต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติมก็จะเรียก น.ส.ณิชา มาทำการสอบปากคำเพิ่มอีกครั้ง
ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย ที่มีผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชี คือ นายขวัญ ทองน้อย ชาว จ.ลพบุรี และนายธีรภัทร์นนท์ งามวงษ์ ชาว จ.หนองคาย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียกไปแล้วแต่ยังไม่มีการติดต่อเข้าพบตำรวจ จึงเตรียมออกหมายเรียกเป็นรอบที่ 2 และหากยังไม่มาอีกก็จะดำเนินการขอหมายจับทันที
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้ทำการสอบปากคำ น.ส.ณิชา ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมากเป็นเวลานานกว่า 12 ชั่วโมง หลังถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง รวม 9 บัญชี ซึ่งหลังการสอบสวนเสร็จสิ้น น.ส.ณิชา ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน โดยบอกเพียงสั้นๆว่า“วันนี้มาสอบปากคำเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากที่สุด”
สำหรับประเด็นที่ตำรวจสงสัยเนื่องจากพบว่า น.ส.ณิชา ทำบัตรประชาชนถึง 4 ครั้ง โดยทำบัตรประชาชนครั้งแรก เมื่อ 26 ธันวาคม 2551 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2557 ซึ่งเป็นการขอทำบัตรใหม่ และในปี 2560 ทำบัตรใหม่อีก 2 ครั้งคือวันที่ 18 กันยายน และ 7 ธันวาคม เนื่องจากบัตรหาย แต่พบว่ามีการแจ้งความกับตำรวจไว้แล้ว ส่วนบัตรที่ น.ส.ปวีณา ผู้ต้องหานำไปใช้เปิดบัญชี เป็นบัตรที่ทำเมื่อปี 2557 และจากการสอบสวนก็ให้การรับสารภาพว่านำไปเปิดบัญชีจริง โดยได้รับการว่าจ้างจากนายไซมอน ให้ไปเปิดบัญชีธนาคารรวม 5 บัญชี ในราคา 1 หมื่นบาท แต่ได้รับเงินเพียงแค่ 4,000 บาท เท่านั้น
ด้านนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับผลการตรวจสอบจากธนาคารที่เปิดบัญชี 4 แห่งแล้ว ได้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ , กรุงไทย , กรุงเทพ และกสิกรไทย ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ได้ตรวจสอบธนาคารเพิ่มอีก 3 แห่ง คือ ออมสิน, ธนชาติ ,และทหารไทย โดยจะประชุมหารือร่วมธนาคาร 36 แห่ง ในช่วงบ่ายและคาดว่าจะได้รับข้อสรุปว่าธนาคารมีความผิดตามกฎหมายฟอกเงินหรือไม่ ต่อไป