วันนี้ (16 ม.ค.61) นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การอุดหนุนราคาน้ำตาลหน้าโรงงานให้กับเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยกิโลกรัมละ 5 บาท ผ่านกองทุนอ้อยและน้ำตาลตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.2527 ไม่สามารถทำได้อีกต่อไป เพราะขัดต่อกติกาขององค์การการค้าโลก หรือ WTO หลังประเทศบราซิลในฐานะผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับ 1 ของโลก ร้องต่อ WTO ว่าการกระทำของไทย ถือว่า ขัดต่อข้อกำหนด
โดยคำอธิบายดังกล่าวเกิดขึ้นหลัง คสช. ใช้อำนาจมาตรา 44 ประกาศบนเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาถึงคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่องการปรับลอยตัวราคาน้ำตาล ให้ใช้รูปแบบเสรี อ้างอิงตามราคาตลาดลอนดอน นัมเบอร์ไฟว์ กับ ไทยพรีเมียม หรือ ราคาตลาดโลก ไม่ให้รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงราคาขายหน้าโรงงานอีกต่อไป
ทั้งนี้สำหรับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายที่มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยเป็นสมาชิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสากรรม ระบุว่า จะเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งรัฐจะไม่อุดหนุนเข้ากองทุนกิโลกรัมละ 5 บาท แต่จะให้โรงงานรับหน้าที่นี้ไปแทน โดยการอุดหนุนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยจะเปลี่ยนจากการกำหนดตายตัว 5 บาท เป็นอุดหนุนตามราคาขึ้นลงของตลาดโลกอ้างอิงจากราคาตลาดลอนดอน นัมเบอร์ไฟว์ ซึ่งข้อตกลงนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มั่นใจว่าทั้งโรงงานและเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยยอมรับได้ เพราะผ่านการพูดคุยกันมาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวชุมนุมต่อต้านอย่างแน่นอน
ขณะที่การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในครั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า ต้องการให้รูปแบบการซื้อขายอ้อยและน้ำตาลเป็นไปตามหลักสากล คาดว่าจะเริ่มได้อีก 2 สัปดาห์ เพราะต้องเคลียร์สต็อกน้ำตาลล็อตเก่าที่มีอยู่ประมาณ 2.6 ล้านตันให้หมดก่อน ส่วนที่ถูกมองว่าต่อไปราคาขายปลีกในประเทศจะลอยตัวด้วย ประเด็นนี้กระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้ดูแลไม่ให้สูงเกินความเป็นจริง
