เมื่อวันที่ (17 ม.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการฯ ออกแถลงการณ์ เรื่อง “คนไทยไม่ได้กินแกลบกินหญ้าที่จะเชื่อว่านาฬิกาวนกันใส่” หลังพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนกรณีข้อสงสัยนาฬิกาหรู 24 เรือนตามที่ปรากฎตามภาพข่าวนั้น เป็นเพียงของเพื่อนที่วนกันใส่ ไม่ใช่ของตนเองสักเรือน และได้คืนไปหมดแล้ว
โดยมองว่าเป็นเพียงการแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ ซึ่งเชื่อว่าสังคมไทย และ ป.ป.ช. ก็คงไม่เชื่อตามไปด้วย เนื่องจากนาฬิกาหรูเหล่านั้น แต่ละเรือนมีมูลค่าหลายล้านบาท อีกทั้งบางเรือนยังเป็นรุ่นลิมิเต็ด ผลิตขึ้นมาในจำนวนจำกัด นาฬิกาแต่ละเรือนยังจัดทำสายรัดที่เป็นโลหะพอดีกับข้อมือของผู้สั่งทำเท่านั้น อีกทั้งนาฬิกาสายหนัง ยังมีกลิ่นเหงื่ออันไม่พึงประสงค์ของผู้อื่น จึงไม่มีใครที่ไหนมาวนกันใส่แน่นอน
ด้วยเหตุนี้จึงขอ ให้ป.ป.ช. ควรเรียกเจ้าของนาฬิกาทุกเรือนมาตรวจสอบวงรอบข้อมือของแต่ละคนว่าสามารถสวมใส่พอดีกับตนเองหรือไม่ด้วย จึงจะชอบ พร้อมแนะนำ ป.ป.ช.ให้เปลี่ยนทีมที่ปรึกษา โดยระดมผู้เชี่ยวชาญในการเลี่ยงภาษี และนักการเมืองที่เคยถูก ป.ป.ช.ลงดาบชี้มูลความผิดกรณีนี้ มาเป็นทีมที่ปรึกษาหาความจริง
ด้านนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่าย ประชาชนต้านคอร์รัปชัน หนึ่งในผู้ยื่นเรื่องฟ้องเรื่องนี้ต่อ ป.ป.ช.ด้วย ระบุว่า ไม่เชื่อคำพูดของพลเอกประวิตรในเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็บอกว่านาฬิกาเป็นของเก่าเก็บ ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า พลเอกประวิตรอาจทำให้เรื่องนี้กลายเป็นคดีใหญ่กว่าเดิม เพราะ สามารถขยายไปสู่การตรวจสอบที่มาและเรื่องภาษีนำเข้านาฬิกา
สำหรับปมนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตรนั้น มาดูไทม์ไลน์กัน โดยเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2560 พลเอกประวิตรใส่นาฬิกา “ริชาร์ดมิลล์” พร้อมแหวนเพชร ร่วมถ่ายภาพหมู่ ครม. หน้าตึกไทยคู่ฟ้า วันต่อมา พลเอกประวิตร ชี้แจงว่า นาฬิกา-แหวนเป็นของเก่าเก็บที่มีมานานแล้ว แต่หลังจากนั้นพลเอกประวิตรก็ไม่ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวโดยระบุว่าจะชี้แจงกับ ป.ป.ช.เท่านั้นร้อนถึง พลเอกประยุทธ์ ได้ออกมาบอกให้สื่อมวลชนลดราวาศอกกับพลเอกประวิตรบ้าง
กระทั่งต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ป.ป.ช. จะเรียกภาคเอกชน 4 รายมาชี้แจง หลังมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับนาฬิกา ขณะที่ล่าสุด พลเอกประวิตร ออกมายอมรับว่า นาฬิกาหรูเป็นของเพื่อนที่ให้ยืมใส่ และพร้อมลาออก หาก ป.ป.ช.ระบุว่ามีความผิด