เปิดใจ “หนุ่มบริษัท” ชีวิตพังเมื่อมีชื่อใน “ประวัติอาชญากร”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรณีของชายคนหนึ่งเข้าขอความเป็นธรรมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากถูกบริษัทที่เพิ่งรับเข้าทำงานขอให้ลาออกเพราะตรวจพบชื่อของเขา อยู่ในประวัติบัญชีอาชญากร ในฐานะผู้ต้องหาคดีเสพยาเสพติด พบว่ามีชื่อของตัวเองอยู่ในบัญชีประวัติอาชญากรมาตลอด 7 ปี จนทำให้ไม่สามารถหางานทำได้  แม้ว่าวันนี้ตำรวจจะนำชื่อผู้เสียหายออกจากบัญชีแต่เรื่องนี้ก็กลายเป็นอุทาธรณ์ให้กับคนในสังคมที่อาจจะต้องติดคุกฟรี 7 วันและมีชื่ออยู่ในบัญชีประวัติอาชญากรมาตลอด 7 ปี

“เฉลิมพล อยู่ดี” ผู้เสียหาย ย้อนเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2553 ตอนนั้นอายุ 19 ปี ในขณะที่กำลังนั่งรถของโรงงานเพื่อกลับบ้าน ก่อนจะเจอด่านตรวจตำรวจก็ขึ้นมาบนรถที่มีพนักงานอยู่ 8-9 คน ก่อนจะสุ่มตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจหาสารเสพติด ตนเป็น 1 ใน 3 คนบนรถคันนั้นที่โดนสุ่มตรวจ เมื่อตรวจแล้วผลขึ้นสองขีดเหมือนกันทั้งหมด 2 คน โดยถ้าขึ้นสองขีดแปลว่าไม่มียาเสพติด เพื่อนที่ตรวจแล้วเขาก็ปล่อย แต่ของตนขึ้นสองขีดแต่มีลักษณะจาง ตำรวจก็ถามว่าได้เล่นยาเสพติดมาเมื่อไหร่  จากนั้นก็พาไปที่สถานีตำรวจให้ปัสสาวะใส่ขวดแล้วให้นั่งรอ


ถูกเซ็น “บันทึกคำรับสารภาพ” โดยที่ไม่ได้อ่าน...

เมื่อไปถึงสถานีตำรวจก็มีคนถูกตรวจปัสสาวะประมาณ 7-8 คนจากรถคันอื่นๆ แล้วตำรวจก็เอาเอกสารมาให้เซ็น ขออ่านแล้วเขาไม่ให้อ่าน เขาบอกว่า “เซ็นๆไปก่อนเดี๋ยวค่อยอ่าน” เห็นแค่ว่ามีตราครุฑบนหัวหนังสือ แล้วเรียกชื่อทีละคน ขออ่านอยู่ 2 รอบเขาก็ไม่ให้อ่าน ก็ยังบอกคำเดิมให้เซ็นไปก่อนจนตนยอมเซ็น ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้พูดดีกับเราเท่าไหร่ มีใส่อารมณ์กับเราด้วย ในจำนวนนั้นมีตนคนเดียวที่ขออ่าน พอเซ็นเสร็จแล้วก็ค่อยแจกให้อ่าน จนรู้ว่าเป็น “บันทึกคำรับสารภาพ” หลังจากเซ็นไปแล้ว ผมก็ยังปฏิเสธว่าไม่ได้เสพยาเสพติด แล้วพามาคุยกับร้อยเวรข้างล่าง เขาก็กาบนกระดาษว่า “ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา” แล้วก็พาขึ้นห้องขังเลย อยู่ในห้องขัง 2 คืน วันเสาร์อาทิตย์ กว่าญาติจะมาก็หมดเวลาเยี่ยมแล้ว ไม่มีการสอบปากคำ ก่อนที่วันจันทร์จะส่งไปฝากขัง ทั้งที่ผลตรวจละเอียดยังไม่ออก จนทางบ้านได้มาเยี่ยมวันอังคารและบอกว่ากำลังจะยื่นประกันตัวแต่ต้องไปประกันตัวที่กรมคุมประพฤติ

“ตอนนั้นเครียดไม่คิดว่าจะต้องเข้าเรือนจำ ตอนนั้นประกันตัวได้ออกมาวันศุกร์ เช้าวันจันทร์ก็ไปที่กรมคุมประพฤติก็มีเจ้าหน้าที่มาถามว่าได้เสพยาเสพติดมาไหม ผมก็ปฏิเสธเหมือนเดิม เขาก็บอกว่าถ้าผลตรวจจากโรงพยาบาลก็จะแจ้ง อีกอาทิตย์ก็นัดมาบอกว่าผลจะออกมาว่าไม่พบยาเสพติด สิ้นเดือนให้มารับเงินประกันคืน”
 

หลังจากผลตรวจออกมาคิดว่าจบแต่ไม่จบ !!!

ตอนนั้นก็ถามเขาว่าแล้วประวัติผมจะทำอย่างไร เขาก็บอกว่าจะส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เราก็ไม่ได้ติดต่อตำรวจก็คิดว่าเรื่องจบแล้ว ตอนนั้นที่โดนตรวจว่ามีสารเสพติดก็โดนให้ออกจากงาน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงได้มา แต่ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาก็ไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงาน ตนก็คิดว่าเป็นเพราะวุฒิไม่ตรง ก็อาศัยทำงานฟรีแลนซ์ไป แต่เขาไม่ได้แจ้งว่ามีประวัติอาชญากรรม จนล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาสมัครงานที่ใหม่ แล้วกำลังจะครบ 4 เดือน เขาก็แจ้งเราว่าสิ้นเดือนนี้เราต้องเขียนใบลาออก เนื่องจากตรวจพบประวัติเราในกองทะเบียนอาชญากร ระบุว่า ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ไม่มีวันพ้นโทษ ก่อนจะไปที่กรมคุมประพฤติเพื่อขอหนังสือมา ว่าไม่มีสารเสพติด ก็เลยถามว่าแล้วถ้าจะลบประวัติต้องทำอย่างไร เขาก็แนะนำให้ไปที่ สภ.เมืองชลบุรี ตอนแรกเขาบอกว่า หาสำนวนไม่เจอ จึงลองไปที่อัยการจังหวัดเขาก็หาในสมุดก็หาให้ตั้งแต่ปี 2553-2555 แล้วพบว่าไม่มีชื่อตนไม่มีสำนวนในสมุด ไม่มีสำนวนที่ถูกส่งจากตำรวจขึ้นมา ถ้าตำรวจยืนยันว่าส่งจริงให้ตำรวจเขียนวันที่ส่งและชื่อเจ้าหน้าที่ที่เซ็นชื่อรับ จากนั้นก็กลับไปที่สถานีตำรวจใหม่ตำรวจก็บอกว่าหาไม่เจอ จนทราบว่า ตำรวจยังไม่ส่งสำนวนให้อัยการว่าสั่งไม่ฟ้อง และหาเอกสาร 2 วันก็ไม่เจอ จนตัดสินใจมาร้องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันวาน (22 ม.ค.61) ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบเพราะมีประวัติติดตัวตนมาตั้ง 7 ปี

ขณะที่ “ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม” รองอธิบดีอัยการสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด อธิบายว่า จากที่ฟังแล้วน่าจะเป็น “บันทึกการจับกุม” ปกติแล้วเจ้าพนักงานผู้ทำบันทึกต้องอ่านให้ฟัง ว่าตามวันเวลาดังกล่าว ตรวจพบชายคนดังกล่าวมีพิรุธ จึงขอเมื่อตรวจปัสสาวะ เมื่อพบว่าปัสสาวะมีสารเสพติด จึงทำการมีการจับกุม เมื่อสอบถามผู้ต้องหานั้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ก็ระบุไป แล้วก็แจ้งก่อนจะให้เซ็น ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิที่เขาต้องทราบ เมื่อเซ็นแล้วต้องมอบให้ผู้จับกุมหนึ่งฉบับด้วย โดยปกติเขาจะแบ่งปัสสาวะไปตรวจ ครั้งแรกเป็นคัลเลอร์เทส เมื่อตรวจแล้วออกสีก่อนเก็บที่เหลือส่งไปตรวจเพิ่มเพื่อพิสูจน์ชัดเจนว่ามีมากน้อยแค่ไหน หรือใช่หรือไม่

รองอธิบดีอัยการสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด กล่าวว่า ด้วยดุลยพินิจของตำรวจต้องดูความเข้มข้นของความน่าจะเป็นบางกรณีพนักงานสอบสวนก็ปล่อยตัวก็มีเป็นดุลยพินิจว่าจะต้องเอาตัวไว้ไหม ขั้นตอนที่สองหากมีการรับสารภาพก็จะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูหรือเข้าบำบัดรักษา เพราะหลักคิดจะมองว่าผู้เสพเป็นผู้ป่วย หากจะเข้ากระบวนการรักษาต้องขออนุญาตศาล ส่วนรายนี้ไม่รู้ว่าเซ็นอย่างไร แต่สุดท้ายก็เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู มีการเข้ารายงานต่อกรมคุมประพฤติ
 

“ในกรณีนี้ตามที่ผมเข้าใจคือ ที่เข้าสู่เรือนจำเพราะกำลังเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู ซึ่งพนักงานคุมประพฤติต้องควบคุมตัวไว้ แต่เขาไม่มีสถานที่คุมเลยต้องไปฝากไว้ที่เรือนจำ แล้วเขารีบมาสอบโดยญาติก็มาประกันเพื่อรับปากว่าจะนำกลับมาเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติให้ปล่อยก่อนนะ แล้วหลังจากนั้นเมื่อผลตรวจกลับมาว่าไม่พบสารเสพติดเขาเลยบอกว่าไม่ต้องมารายงานตัวแล้วและให้มาถอนเงินประกันคืน”

ขณะที่เวลาสมัครงานเรามักจะเจอว่า ให้เซ็นหนังสือยินยอมให้ตรวจประวัติอาชญากรนั้น "ปรเมศวร์" อธิบายว่า การตรวจประวัติอาชญากรนั้นเป็นข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ใครจะเอามาใช้ไม่ได้ยกเว้นเจ้าของจะยินยอม เมื่อยินยอมให้ตรวจก็เจอใบนี้หากอ่านใบนี้บอกแค่ว่าถูกจับแต่ไม่มีผลคดี โทษจำคุกไม่มี ข้อมูลเหล่านี้ไม่ควรออกเพราะถ้ายังไม่มีผลคดีออกมาเขาไม่ใช่ผู้กระทำความผิด รัฐธรรมนูญบอกว่าคนที่จะกระทำความผิดต่อเมื่อศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว แล้วในการตรวจควรบอกว่า ไม่พบประวัติทะเบียนอาชญากร หน่วยงานของรัฐก็ง่ายเกินใครถามมาก็ส่งกลับไป ควรจะมีการตรวจสอบก่อน 

“ในกรณี้นี้เมื่อไม่พบสารเสพติด ก็ต้องส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนสรุปว่าหลักฐานไม่พอฟังว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิด เพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการว่าเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง หากผู้ว่าราชการจังหวัดไม่แย้ง อัยการก็จะแจ้งผลไปที่พนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งให้กับผู้ต้องหาทราบ และแจ้งไปยังกองประวัติอาชญากรรมให้จัดการลบประวัติให้เรียบร้อย แต่กรณีนี้เสมียนคดีไม่นำเอกสารไปส่ง”

อย่างไรก็ตาม รองอธิบดีอัยการสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด มองว่ากรณีสามารถที่จะเยียวยาได้เริ่มที่จากดูว่าผิดพลาดจากความรับผิดชอบของใคร ทำให้เขาเสียสิทธิ์ในบางประการ เพราะเขาไม่ได้เป็นผู้กระทำผิด แม้จะผ่านมา 7 ปี ก็สามารถฟ้องคนที่ทำให้ล่าช้า สามารถฟ้องที่ศาลปกครองได้

 

ชมคลิปที่นี่... ชีวิตพัง! หนุ่มร้อง 7 ปี ถูกตราหน้าเป็น “อาชญากร” ไม่มีใครรับทำงาน มาร้อง “รอง ผบ.ตร.” 2 วันทุกอย่างจบ

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ