วานนี้ (1 ก.พ.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปรากฎการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งแรกของปี เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลา 17.51 น. แต่ยังไม่สามารถมองเห็นเรื่องจากท้องฟ้ายังสว่าง จนกระทั่งเวลา 18.48 น. ท้องฟ้าเริ่มมืด จึงจะสามารถมองเห็นพระจันทร์ปรากฎเหนือขอบฟ้าทางทิศตะวันออก ในลักษณะเว้าแหว่ง และเริ่มเข้าไปอยู่ในเงามืด ในช่วงเวลา 19:51 - 21:08 น. โดยในช่วงนี้ จะเห็นพระจันทร์เป็นสีส้มแดง
สำหรับการเกิดจันทรุปราคาครั้งนี้ มีความพิเศษคือ มีปรากฏการณ์สำคัญ 3 อย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 152 ปี คือ 1. จันทรุปราคาเต็มดวง 2. เป็นพระจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองของเดือน ที่เรียกว่า “บลูมูน” และ 3. พระจันทร์โคจรอยู่ในตำแหน่งใกล้โลกที่สุด ที่เรียกว่า “ซูเปอร์มูน” จึงทำให้ครั้งนี้มีประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก แม้จะมีอุปสรรคคือเมฆที่ค่อนข้างหนาแน่น โดยในช่วงเวลาประมาณ 22.11 น.ดวงจันทร์ กลับมาเต็มดวงอีกครั้ง ก่อนจะสิ้นสุดปรากฏการณ์ เมื่อดวงจันทร์ออกจากเงาในเวลา 23.08 น.
สำหรับจันทรุปราคาครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 28 กรกฎาคมปีนี้ โดยจะมองเห็นตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยงคืนวันที่ 17 กรกฎาคม ช่วงเวลา 02.00 – 04.00 น. แต่มีโอกาสเห็นได้น้อยมากเนื่องจากประเทศไทยอยู่ในช่วงกลางฤดูฝน ซึ่งอาจถูกเมฆบดบัง
นอกจากประชาชนชาวไทยที่เฝ้ารอชมปรากฎการณ์พระจันทร์เต็มดวง ครั้งนี้แล้ว ประชาชนในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกตั้งแต่สหรัฐอเมริกาไล่มาจนถึงเอเชีย ที่เฝ้ารอชมปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงที่หาดูได้ยากนี้เช่นกัน โดยนี่เป็นภาพที่บันทึกได้จากหอดูดาวกริฟฟิทในนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านเรา ที่ประเทศอินโดนีเซีย ประชาชนจำนวนมากในเมืองหลวง กรุงจาการ์ตา ต่างก็ออกมาชมปรากฏการณ์นี้ ทั้งที่ดูด้วยตาเปล่า และมองผ่านกล้องโทรทรรศน์ที่ถูกนำมาตั้งไว้เพื่อให้บริการแก่ผู้ที่สนใจ เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆที่รอชมและบันทึกภาพความประทับใจในครั้งนี้
(พระจันทร์สีเลือดที่นอร์เวย์ Heiko JUNGE / NTB scanpix / AFP )
(จันทรุปราคาที่สหรัฐอเมริกา JOSH EDELSON / AFP)
( จันทรุปราคาเต็มดวงที่ปากีสถาน FAROOQ NAEEM / AFP)
ภาพ AFP/ Reuters