หลักฐานสำคัญเป็นแผ่นกระดาษหลายแผ่น เขียนด้วยลายมือของหลานสาวมีเนื้อหาใจความพูดถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เด็กผู้เสียหายคนนี้ถูกพ่อแท้ ๆ ของตัวเองล่วงละเมิดทางเพศ โดยระบุ จำนวนครั้ง วัน เวลา สถานที่ที่ถูกกระทำ เป็นหลักฐานที่ยายของเด็ก ใช้เป็นหลักฐานแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรหลังสวน
โดยเด็กหญิงวัย 13 ปี ยังได้เขียนบันทึกคำให้การด้วยลายมือตนเอง เพื่อแสดงยืนยันว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นจริง ครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 10 ขวบ และครั้งล่าสุดคือปลายเดือนตุลาคม ปี 2560
ยายของเด็กหญิงผู้เสียหาย เล่าว่า พ่อแม่ของเด็กแยกทางกัน ต่างฝ่ายไปมีครอบครัวใหม่ หลานสาวจึงอยู่กับตายาย โดยผู้เป็นพ่อ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาก็แวะมาเยี่ยมเยียนบ้างกระทั่งลูกสาวโตขึ้น พบว่า ไปคบและมีสัมพันธ์กับเพื่อนชาย ยายจึงบอกพ่อให้ไปแจ้งความตำรวจ แต่พ่อกลับตบตีและนำตัวไปกักขังไว้ที่บ้าน ร่วม 2 สัปดาห์ ต่อมายายไปพบกระดาษที่หลานสาวเขียนไว้ ความจริงจึงถูกเปิดเผยว่าผู้เป็นพ่อได้ล่วงละเมิดทางเพศมานานกว่า 3 ปี และมีการบังคับเสพยาเสพติดด้วยแต่เด็กผู้เสียหายไม่ยอมเสพ พร้อมข่มขู่จะฆ่าถ้านำเรื่องไปบอกใคร
ส่วนนายจอม ผู้เป็นพ่ออายุ 35 ปี ถูกตำรวจภูธรหลังสวน จังหวัดชุมพร จับกุมนำตัวไปสอบปากคำ ให้การรับว่าเสพยาบ้า แต่ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในการกระมำผิด และอ้างว่าตนไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของเด็กหญิงอายุ 13 ปี โดยให้เหตุผลว่า แม่ของเด็กได้ตั้งท้องกับผู้ชายคนอื่นและได้พูดขอให้ตนช่วยรับเป็นพ่อ ด้วยความเห็นใจจึงยอมรับ
แม้คดีนี้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ระบุว่าสามารถเอาผิดได้ เนื่องจากตำรวจมีหลักฐาน ซึ่งเป็นจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของเด็ก และคำให้การ
ส่วนประเด็นที่นายจอมปฏิเสธว่าเป็นพ่อของเด็ก จึงสั่งให้ทำการตรวจพิสูจน์ตรวจดีเอ็นเอ ของพ่อและเด็กหญิง วัย 13 ปี พร้อมทั้งเรียกแม่ของเด็กมาสอบปากคำ ถ้าปรากฏชัดเจนว่าเป็นพ่อลูกกันแท้จริง ตำรวจจะแจ้งข้อหาเพิ่ม ในข้อหากระทำชำเราผู้สืบสันดาน
