นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวระหว่างลงพื้นที่ประชุมร่วมกับภาครัฐและเอกชนภาคตะวันออก เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ผลไม้ที่จังหวัดจันทบุรี ว่า จะเสนอ ครม.ผลักดันให้ไทยเป็นชาติมหาอำนาจการค้าผลไม้เมืองร้อนของโลก ตามยุทธศาสตร์ผลไม้ภาคตะวันออก โดยนำร่องพัฒนาทุเรียน 9,600 ตัน เป็นสินค้าพรีเมียม หวังเพิ่มมูลค่าและผลักดันให้ราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็จะทำตลาดกลุ่มผลไม้เกรดรอง เช่น มังคุด ลำไย โดยพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ลำไยทอดสูญญากาศ รวมถึงพัฒนาบรรจุภัณฑ์ผลไม้ไทย และยกระดับช่องทางการจำหน่าย ให้มีการกระจายผลไม้อย่างเป็นระบบ ตลอดจนมีความจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการไทย ในการแข่งขันกับล้งต่างชาติ เช่น การจัดหาสินเชื่อให้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็จะใช้มาตรการทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้าที่เพิ่งมีผลบังคับใช้มาควบคุมล้งต่างชาติอย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการไทยเสียเปรียบในการทำธุรกิจอีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีนี้ ผลไม้สำคัญของไทย เช่น ทุเรียน และมังคุด จะไม่มีปัญหาผลผลิตล้นตลาด เนื่องจากมีความต้องการผลไม้ทั้ง 2 ชนิดในตลาดจีนค่อนข้างมาก รวมถึงในอีกหลายตลาดด้วย ประกอบกับไทยได้ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการแปรรูปผลไม้และเก็บผลไม้ให้อยู่ได้นานขึ้น ซี่งจะช่วยชะลอปริมาณผลผลิตในการออกสู่ตลาดได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งสำคัญ คือต้องมีการกระจายตลาดผลไม้ไม่ให้พึ่งพาตลาดจีนมากเกินไป
เร่งผลักดัน “จันทบุรี” เป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ
นอกจากนั้น จะผลักดันให้ จ.จันทบุรี เป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ และ เป็นศูนย์กลางการค้าพลอยสี เพราะเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญของประเทศ โดยจะโปรโมทและผลักดันให้ต่างชาติเข้ามาทำการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น และยังจะร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำถนนสายอัญมณีเพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว โดยจะมีการจัดทำรายละเอียดที่ตั้งร้านค้า สินค้าที่จำหน่าย เพื่อเป็นคู่มือให้กับนักท่องเที่ยว