ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บาดแผลฟกช้ำ รอยขีดข่วน ที่เกิดขึ้นตามร่างกายใบหน้า ของเด็กหญิงวัย 2 ขวบ 4 เดือน มีทั้งรอยเก่า และรอยใหม่ ประกอบกับผลเอ็กซเรย์ ที่พบว่า ภายในกระดูกซี่โครงหักมานานกว่า 1 เดือน และพบวัตถุคล้าย ตะปู หรือ น็อต ขนาดเล็กในกระเพาะอาหาร ทั้งหมดนี้ ทำให้พ่อเด็กปักใจเชื่อว่า ลูกอาจถูกทำร้าย
จากการสอบถาม พ่อของเด็กเล่าว่า เขาและภรรยา พาลูกมาฝากพี่ชายซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงเลี้ยงที่จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนปีที่แล้ว เพราะต้องไปทำงานที่จังหวัดชลบุรี ต่อมาลุงได้นำเด็กไปจ้างเลี้ยงกับเพื่อน ด้วยค่าแรง เดือนละ 6,000 บาท และไม่ได้กลับมาเลี้ยงลูกอีก จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
พ่อเด็กนำภาพถ่ายก่อนเดินทางมาให้ดูเพื่อยืนยันว่า ร่างกายไม่มีบาดแผล แต่ก็ไม่เชื่อว่า พี่ชายที่เป็นลุงแท้ๆ จะทำร้ายเด็ก
หลังเกิดเรื่อง ทั้งพ่อและแม่เด็กหญิงวัย 2 ขวบ พยายามสอบถามถึงสาเหตุ แต่เด็กกลับมีอาการหวาดผวา ไม่พูด และพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่ไม่ยอมให้เข้าใกล้
ทีมข่าวสอบถามกับพี่เลี้ยงที่เด็กหญิงคนนี้ไปอยู่ด้วย เธอยินดีให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ บอกว่ารับเด็กมาเลี้ยงช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ลุงจะเป็นคนพาเด็กมาส่งช่วง 9 โมงเช้า และรับกลับตอนบ่าย 3 แต่จะค้างที่บ้านพี่เลี้ยงเป็นบางวัน เธอยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายเด็กแน่นอน เพราะเป็นคนขอร้องให้ลุงพาเด็กไปหาหมอด้วยกันที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี เนื่องจากเห็นรอยช้ำบริเวณเนื้อตัวที่ไม่จางหรือหายทั้งที่เวลาผ่านไประยะหนึ่ง ส่วนที่มีคนกล่าวหาว่าพาเด็กหนีกลับโดยไม่รอผลตรวจนั้น เป็นเพียงการพากลับมากินข้าว ก่อนที่ลุงเด็กจะพากลับไปที่บ้าน
หลังเกิดเหตุพ่อเด็กแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรค่ายบางระจันเพื่อเอาผิด พันตำรวจโท เดโช กันหะ สารวัตรสอบสวน สภ.ค่ายบางระจัน บอกว่า ได้เชิญคนที่เกี่ยวข้องเข้าสอบปากคำแล้ว 6 คน ประกอบด้วย พ่อแม่เด็ก ลุง พี่เลี้ยง เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ แต่ยังไม่สรุปว่าเด็กถูกทำร้าย พร้อมกับไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง
โดยหลังจากนี้จะต้องลงพื้นที่สอบปากคำพยานแวดล้อมคนอื่นเพิ่มเติม ที่สำคัญจะต้องรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์โรงพยาบาลอ่างทอง ที่เด็กเข้ารับการรักษา เพราะจะสามารถบอกได้ว่าบาดแผลเกิดจากอะไร และระยะเวลาเกิดบาดแผลเริ่มต้นในช่วงเวลาใด
