สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ได้ลงนามในบันทึกที่มอบหมายให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอมาตรการกำกับดูแลเพื่อห้ามการใช้อุปกรณ์ใดก็ตามที่ช่วยให้ปืนที่ผลิตออกมาอย่างถูกกฎหมายกลายเป็นปืนกล หรือ ปืนอัตโนมัติ
โดยการตัดสินใจดังกล่าวมาจากเหตุสังหารหมู่ 58 ศพในลาสเวกัส เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งคนร้ายใช้พานท้ายปืนดัดแปลง หรือที่เรียกว่า Bump Stocks เพื่อทำให้ปืนไรเฟิลที่ใช้ก่อเหตุกลายเป็นปืนอัตโนมัติ ก่อนกราดยิงผู้คนจากมุมสูงบนโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากนั้น ทรัมป์ ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมทำรายงานสรุปว่าการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวถูกกฎหมายหรือไม่
นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังยืนยันว่า ความปลอดภัยในโรงเรียนคือเรื่องสำคัญลำดับแรกของรัฐบาลชุดนี้ และการประชุมร่วมกับผู้ว่าการรัฐทั่วประเทศ ในสัปดาห์หน้าที่ทำเนียบขาว จะมีวาระหลักคือการการหารือเกี่ยวกับมาตรการป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับนักเรียน ซึ่งรวมถึงมาตการรักษาความปลอดภัย การควบคุมผู้มีปัญหาทางจิต และ การประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับรัฐบาลกลางและเจ้าหน้าที่ในระดับรัฐ
ขณะที่สมาชิกสภารัฐฟลอริดาลงมติ 71-36 ไม่รับญัตติที่เสนอให้มีการพิจาณาห้ามใช้อาวุธปืนยาวกึ่งอัตโนติ และ ซองบรรจุกระสุนขนาดใหญ่ ซึ่งมติดังกล่าวได้สร้างความผิดหวังให้กับนักเรียนของ โรงเรียนสโตนแมนดักกลาส ที่เรียกร้องให้มีมาตรการควบคุมอาวุธปืน หลังเกิดเหตุ นาย นิโคลาส ครูซ ศิษย์เก่าที่ถูกไล่ออกไป บุกกราดยิงถึงภายในโรงเรียนจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน
ส่วนเหล่าคนดังในวงการบันเทิงของสหรัฐฯ ทั้ง โอปราห์ วินฟรีย์ จอร์จ คลูนีย์ และ สตีเวน สปิลเบริ์ก ประกาศบริจาคเงินคนละ 500,000 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 15 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเดินขบวนรณรงค์ในกรุงวอชิงตัน เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการควบคุมอาวุธปืน หลังเกิดเหตุวัยรุ่นวัย 19 ปี กราดยิงโรงเรียนในรัฐฟลอริดาจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน