“ฮิวแมนไรท์วอทช์” องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ระบุว่าตั้งแต่เดือน พ.ย 2017 เป็นต้นมา รัฐบาลเมียนมาร์ได้ทำการรื้อถอนหมู่บ้านชาวโรฮิงญา ในรัฐยะไข่ไปแล้ว 55 หมู่บ้าน
โดยอาคารหรือบ้านเรือนที่ถูกรื้อถอนนั้นไม่มีคนอาศัยอยู่และส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายจากการถูกวางเพลิงตั้งแต่เดือน ส.ค. ปี ที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่าหน่วยความมั่นคงของเมียนมาร์ได้เริ่มปฏิบัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา
แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียของฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่าหมู่บ้านเหล่านี้คือจุดที่การกระทำความผิดเกิดขึ้น จึงไม่ควรถูกเปลี่ยนแปลงสภาพๆใด เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญที่ถูกแต่งตั้งโดยสหประชาชาติได้เข้ามาหาหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงไปตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระทำความผิด
ซึ่งฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้เรียกร้องให้สหประชาชาติและองค์กรหรือประเทศที่บริจาคเงินให้เมียนมาร์ กดดันให้รัฐบาลเมียนมาร์ หยุดการรื้อถอนหมู่บ้านชาวโรฮิงญา เพราะเป็นการทำลายหลักฐานอันเป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม
ขณะที่ รัฐมนตรีกระทรวงสวัสดิการสังคมเมียนมาร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ว่า การรื้อถอนหมู่บ้านเป็นไปตามโครงการปรับปรุงมาตรฐานด้านที่อยู่อาศัยให้ดีกว่าเดิมและเมื่อผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญากลับมา ก็จะสามารถอยู่อาศัยในถิ่นที่อยู่เดิมต่อไป หรือ ในพื้นที่อื่นที่อยู่ไม่ไกลจากที่อยู่อาศัยเดิมมากนัก