สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในการประชุมกับตัวแทนจากภาคอุตสาหกรรมที่ทำเนียบขาว เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.61) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ในช่วงต้นสัปดาห์หน้าจะมีการเปิดเผยเกี่ยวกับการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าเหล็กที่ระดับ 25 เปอร์เซ็นต์ และอะลูมิเนียมที่ระดับ 10 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุที่ต้องตั้งกำแพงภาษีดังกล่าวก็เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับผลกระทบจากการค้าที่ไม่เป็นธรรมของคู่แข่งต่างประเทศ
โดยสำหรับสหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นประเทศที่นำเข้าเหล็กมากที่สุดในโลก จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา ซึ่งระบุว่า ปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกานำเข้าเหล็ก 26.9 ล้านตัน โดยนำเข้าเหล็กจากประเทศและดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 110 แห่ง ซึ่ง 5 ประเทศที่สหรัฐอเมริกา นำเข้าเหล็กมากที่สุด ได้แก่ แคนาดา, บราซิล, เกาหลีใต้, เม็กซิโก และ รัสเซีย ส่วนจีน ซึ่งถูกมองว่าเป็นเป้าหมายหลักของสหรัฐอเมริกา ในการตั้งกำแพงภาษี แต่ความจริง จีนยังไม่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรก
ทั้งนี้หลังการประกาศของทรัมป์ หลายประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐอเมริกา ต่างก็แสดงความไม่พอใจ โดยนายฟรองซัวส์-ฟิลิปป์ ช็องปาญ รัฐมนตรีกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของแคนาดา ระบุว่า หากสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการกีดกันทางภาษีจริง รัฐบาลแคนาดาก็พร้อมที่ใช้มาตรการตอบโต้ เช่นเดียวกันประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ทั้ง เยอรมนี เม็กซิโก และบราซิล ต่างแสดงจุดยืนคัดค้าน รวมทั้งยืนยันว่ากำลังพิจารณาออกมาตรการตอบโต้
ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการจีนได้เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกา หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือกีดกันทางการค้า ซึ่งหากสหรัฐอเมริกา ประกาศตั้งกำแพงภาษีจริง จีนก็พร้อมจะใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก็มีบางประเทศที่ยังสงวนท่าทีเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยนายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และพาณิชย์ ของญี่ปุ่น ระบุว่า ผู้นำสหรัฐอเมริกา ไม่ได้เจาะจงว่าประเทศใดเป็นเป้าหมายของการตั้งกำแพงภาษีครั้งนี้ โดยญี่ปุ่นจะติดตามการประกาศมาตรการดังกล่าวต่อไป พร้อมย้ำว่า การส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมของญี่ปุ่น ไม่ได้เป็นการคุกคามความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา แน่นอน เช่นเดียวกับ ทางนายสตีเฟน ซีโอโบ รัฐมนตรีกระทรวงการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุน ของออสเตรเลีย แม้ว่าจะแสดงความไม่พอใจ แต่ก็ขอดูความชัดเจนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ก่อนว่า ออสเตรเลียจะได้รับการยกเว้นจากกำแพงภาษีนี้หรือไม่
นอกจากนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ทั้งดาวน์โจนส์ของสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย ต่างปรับตัวลดลง ในช่วงการเปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการตั้งกำแพงภาษีของทรัมป์ อาจนำไปสู่สงครามทางการค้า ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโลก