ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถ้าย้อนไปดูผลการดำเนินงานปี 2559 โรงงานยาสูบมีกำไร 8,861 ล้านบาท จ่ายโบนัสให้พนักงานได้ 7 เดือน
นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ อ้างว่า การขาดทุนมาจากการบังคับใช้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิตใหม่ เมื่อ วันที่ 16 กันยายน 2560 ทำให้ราคาขายปลีกบุหรี่ ปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 3-20 บาทต่อซอง เกือบเท่ากับราคาบุหรี่ต่างประเทศ คนจึงหันไปซื้อบุหรี่ต่างประเทศ หันไปสูบยาเส้น หรือ บุหรี่ไฟฟ้าแทน กำลังการผลิตของโรงงานยาสูบจึงลดลงตามไปด้วย อย่างในปีนี้กำลังการผลิตบุหรี่ของโรงงานยาสูบเหลือ 18,000 ล้านมวนต่อปี จากกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ 65,000 ล้านมวนต่อปี ทำให้กระทบต่อรายได้แน่นอนทั้งที่รายจ่ายเพิ่มสูงขึ้น เช่น ลงทุนติดตั้งเครื่องจักรที่โรงงานยาสูบแห่งใหม่ ค่าใช้จ่ายในการย้ายโรงงานยาสูบไป จ.พระนครศรีอยุธยา อุดหนุนโรงพยาบาลยาสูบ เป็นต้น
โดยปัจจุบัน โรงงานยาสูบจำหน่ายบุหรี่ทั้งสิ้น 16 ตรา ปริมาณการจำหน่าย 28,221 ล้านมวน มูลค่า 72,085 ล้านบาท ส่งออก 75.79 ล้านมวน ซึ่งบุหรี่ที่มีการจำหน่ายสูงสุด 5 อันดับแรกของโรงงานยาสูบ ได้แก่ SMS รสอเมริกัน SMS รสเมนทอล กรองทิพย์ 90 WONDER รสอเมริกัน และ WONDER รสเมนทอล โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 80% แต่ในในปีนี้เหลือ 56%
ทำให้คาดว่าปีนี้โรงงานยาสูบจะขาดทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีสภาพคล่องเข้ามาเดือนละ 4,000 ล้านบาท ตอนนี้เหลือสภาพคล่องไม่ถึง 5,000 ล้านบาท โดยจะมีผลกระทบตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปเป็นที่มาของการเตรียมเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อขอกู้เงินมาใช้ดำเนินการ ใน 2 เรื่องหลักๆ คือ เงินเดือนให้กับพนักงาน และการลงทุนติดตั้งเครื่องจักรที่โรงงานยาสูบแห่งใหม่ในปีนี้ ประมาณ 2,900 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งหมด 7,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เพื่อสรุปวงเงินกู้และความจำเป็นในการใช้เงิน
ข้อมูล โรงงานยาสูบ
ภาพ AFP