วันนี้ (8 มี.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกเพจรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า ตั้งแต่ปี 2558 ถึง ก.ย. 2560 ตำรวจตระเวนชายแดน ได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเดือนละ 6,130 บาท และค่าเสี่ยงภัยเดือนละ 1,500 บาท แต่เมื่อเดือน ต.ค. 2560 ถูกตัดค่าเบี้ยเลี้ยง เหลือ 4,000 บาท จนถึงเดือน ม.ค. 2561 ซึ่งปกติทางกรมบัญชีกลางจะโอนผ่านกองกำกับการ และกองร้อย แต่เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2561 ตนได้รับโอนเงินโดยตรง และเห็นยอดที่ได้เกือบถึง 10,000 บาท โดยที่ตนและเพื่อนร่วมงานไม่เคยเห็นยอดนี้เลยตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ทำงานในพื้นที่
ทั้งนี้แต่ทางกองร้อยกลับบอกให้โอนกลับไปให้กองร้อยก่อน เพราะจะนำไปหักค่าอะไรไม่รู้ เป็นเงินครึ่งหนึ่งของยอดที่ควรจะได้รับ ที่ผ่านมากรมบัญชีกลางจ่ายให้เกือบหมื่น แต่กลับถูกหักเงินตามที่ระบุข้างต้น จึงสงสัยว่าตัดค่าอะไร
ด้าน พ.อ.ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ และ รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า เดิม ตชด.จะเบิกเบี้ยเลี้ยง โดยจ่ายกับเจ้าตัวโดยตรง จำนวนที่จ่ายก็จะหักค่าใช้จ่าย เช่น ค่าประกอบเลี้ยง หนี้ร้านสวัสดิการ หรือหนี้สินอื่น ก่อนจะจ่ายส่วนที่เหลือให้กับ ตชด. ทำให้จำนวนเงินที่ได้รับจริงไม่เท่ากับยอดเงินที่เบิกจ่าย จนกระทั่งเดือน ก.พ. 2561 ได้ปรับเปลี่ยนการจ่ายเบี้ยเลี้ยง โดยโอนเข้าบัญชีบุคคลโดยตรง ยอดที่เข้าบัญชีจะเป็นยอดเต็ม ที่ยังไม่หักค่าใช้จ่าย ซึ่งเจ้าตัวต้องไปเบิกถอนเงิน แล้วมาชำระหนี้กับต้นสังกัดเอง ทำให้ยอดที่ได้รับก่อนหน้านี้ กับยอดใหม่ไม่เท่ากัน จนเกิดการเข้าใจผิดขึ้น
โดยจากการสอบถาม ตชด.ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้คนหนึ่ง ระบุว่า ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงเดือนละประมาณ 7,000 กว่าบาท ซึ่งยอดเบี้ยเลี้ยงของแต่ละหน่วยจะไม่เท่ากัน แล้วแต่ว่าหน่วยไหน กองร้อยไหน ได้รับจัดสรรมาจำนวนเท่าไร แต่ละหน่วยจะบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์กับกำลังพลมากที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีกำลัง ตชด.ส่วนหนึ่ง ที่มาจากภาคอื่นที่มาช่วยราชการ ก็จะมีระดับการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงในอีกรูปแบบหนึ่ง จะได้รับเงินตอบแทนเพิ่มขึ้น ในส่วนของเบี้ยเลี้ยงเสี่ยงภัย ซึ่งที่ผ่านมาได้รับชี้แจงเรื่องการเบิกจ่ายต่าง ๆ เป็นที่เข้าใจกัน จึงไม่ได้มีข้อข้องใจแต่อย่างใด