เมื่อวันที่ (20 มี.ค.61) นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ให้แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่มีประเด็นในโซเชียลมีเดียระบุว่า กรณีมีประเด็นตามโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการปฏิบัติพิธีการทางศุลกากรของติดตัวผู้โดยสาร ที่นำติดตัวเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรพร้อมกับตนทางท่าอากาศยาน
กรมศุลกากรขอชี้แจงว่า ผู้โดยสารฯ เดินทางจากฮ่องกง ถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 โดยเที่ยวบินที่ CX 615 เดินออกช่องเขียวทาง EXIT C เวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่เรียกตรวจพบว่า ผู้โดยสารมีกระเป๋า CHANEL รุ่น BOY สภาพใหม่ เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่ามีซีลพลาสติกใสปิดที่โลโก้ จึงขอเปิดกระเป๋าเดินทางเพื่อตรวจสอบ จากการเปิดตรวจพบเป็นกล่องกระเป๋า CHANEL สภาพใหม่ และเสื้อคลุม ยี่ห้อ BURBERRY เจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบกระเป๋าถือและนำเลข HOLOGRAM STICKER และ Authenticity Number หมายเลขของกระเป๋าที่ประทับบนโลโก้ CHANEL ด้านในและหมายเลขในการ์ดสีดำขอบทอง ซึ่งตัวเลขที่ระบุจะบ่งบอกปีที่ผลิต
เมื่อเห็นว่าเป็นรุ่นใหม่ เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้สอบถามการได้มาเกี่ยวกับกระเป๋าดังกล่าว ผู้โดยสารแจ้งว่า เป็นของขวัญที่ได้รับจากเพื่อนชายต่างประเทศไม่มีใบเสร็จรับเงิน เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงได้แจ้งผู้โดยสารต้องเสียภาษีอากร ผู้โดยสารไม่ปฏิเสธ และยินดีชำระค่าภาษีอากรตามที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้ง เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงร่วมกันพิจารณารับราคาประเมิน 70,000 บาท ภาษีอากรรวมทั้งสิ้น 20,000 บาท ผู้โดยสารยินยอมชำระอากรปากระวางจึงดำเนินการพิมพ์ใบเสร็จรับเงินส่งมอบให้ผู้โดยสาร กรณีดังกล่าวข้างต้น กระเป๋าของผู้โดยสารมิได้เป็นของที่นำไปจากเมืองไทยแล้วนำกลับเข้ามา แต่เป็นของใหม่ที่มีราคาสูงและนำติดตัวเข้ามาในราชอาณาจักร จึงเป็นตามหลักเกณฑ์ที่ต้องชำระค่าภาษีอากร คือ ค่าอากรขาเข้า-ปากระวาง 15,400 บาท ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม-ปากระวาง 4,600 บาท รวมทั้งสิ้น 20,000 บาท