นาย ทาเย่ บรู๊ก เซริฮูน ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวระหว่างการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงว่าสถานการณ์การประท้วงของชาวปาเลสไตน์ที่พรมแดนติดกับประเทศอิสราเอลอาจเลวร้ายลงอีก หลังเกิดเหตุผู้ชุมนุมปะทะกับเจ้าหน้าที่ควมมั่นคงอิสราเอลจนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10 คน
โดย นาย เซริฮูน ยังเรียกร้องให้อิสราเอลใช้ความอดทนอดกลั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น และ ไม่ใช้ความรุนแรงกับพลเรือน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเด็ก
ขณะที่ นาย วอลเตอร์ มิลเลอร์ เจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องถอยคนละก้าวเพื่อลดความตึงเครียดและการปะทะกัน
สำหรับเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยชาวปาเลสไตน์ที่คาดว่ามีจำนวนประมาณ 30,000 คน ได้รวมตัวจัดการชุมนุมประจำปีบริเวณพรมแดน กาซ่า-อิสราเอล เพื่อเรียกร้องอิสราเอลให้อนุญาตผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์สามารถกลับไปอาศัยยังที่อยู่เดิมในดินแดนอิสราเอลก่อนการเกิดสงครามระหว่างกลุ่มชาติอาหรับและอิสราเอลในปี 1948 เพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในการครอบครองดินแดนปาเลสไตน์
โดยระหว่างการประท้วงได้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมชาวปาเลสไตน์และหน่วยปราบจลาจลของอิสราเอล จากนั้นได้มีการปะทะกันอย่างดุเดือด เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 17 คน และ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1,400 คน
ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมชาวปาเลสไตน์ยังได้ตั้งเต๊นท์ในบริเวณดังกล่าวด้วย เพื่อปักหลักประท้วงแบบต่อเนื่องจนถึงวันที่ 15 พ.ค ซึ่งเป็นวันที่ชาวปาเลสไตน์เรียกว่าวันแห่งความ “พินาศ” เพราะเป็นวันที่อิสราเอลประกาศเอกราชในปี 1948
ขณะที่กองกำลังป้องกันอิสราเอล ออกแถลงการณ์ระบุว่าผู้ประท้วงได้ก่อเหตุรุนแรงด้วยการเผายางรถยนต์ และขว้างก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอิสราเอล ที่ประจำการบริเวณชายแดนดังกล่าว
นอกจากนี้ กองกำลังป้องกันอิสราเอล ยังเปิดเผยว่าได้มีกลุ่มติดอาวุธพยายามแทรกซึมเข้ามายังพื้นที่อิสราเอล ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงปืนใหญ่สกัด
ขณะที่ ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ ได้ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศในวันนี้ พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลอิสราเอล "ต้องรับผิดชอบ" ต่อการเสียชีวิตของพลเมืองปาเลสไตน์