ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 เปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน ได้เข้าไปท่องเที่ยวในเส้นทางสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก หน่วยพิทักษ์ป่าทิคอง - หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช ในโปรแกรม 2 วัน 1 คืน โดยใช้เส้นทางที่เปิดให้ท่องเที่ยวชื่อ ทินวย – ทิคอง - มหาราช ระยะทาง 30 กิโลเมตร
กระทั่ง 4 กุมภาพันธ์ 2561 เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ได้รับรายงานว่าคณะของนายเปรมชัย ได้ลักลอบตั้งแคมป์พักแรมในจุดบริเวณห้วยปะชิ ซึ่งเป็นจุดที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ซึ่งไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์ จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ และพบกับซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือไก่ฟ้าหลังเทา และเก้ง จึงทำการขยายพื้นที่ตรวจสอบพบอาวุธปืนลูกกรดติดลำกล้อง 1 กระบอก ปืนไรเฟิลติดลำกล้อง 1 กระบอก และปืนลูกซองแฝด 1 กระบอก จึงควบคุมตัวนายเปรมชัย และพวกไปที่สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก
5 กุมภาพันธ์ 2561 เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่เพิ่มเติม และได้พบกับเรื่องราวสะเทือนใจผู้พิทักษ์ป่า โดยพบซากเสือดำถูกชำแหละเนื้อ และถลกหนังถูกห่อด้วยถุงดำพร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนมากที่ถูกซุกซ่อนไว้ใกล้กับแคมป์พัก จึงได้ควบคุมตัวเปรมชัย และพวกส่งดำเนินคดีที่ สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
กระทั่งเป็นข่าวใหญ่ในเช้าวันที่ 6 ก.พ.61
ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมานอกจากข่าวการดำเนินคดีที่ถูกนำเสนอออกมาอย่างต่อเนื่องแล้ว กระแสเรียกร้องความเป็นธรรมให้เสือดำก็เกิดขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากแฮชแท็ก #ทุ่งใหญ่ #เสือดำต้องไม่ตายฟรี #แววตาเสือดำ #ripน้องเสือดำ
รวมทั้งการใช้งานศิลปะเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมไม่ให้เรื่องนี้เงียบหาย เช่น กราฟฟิตี้เสือดำ ที่กระจายอยู่ตามผนังทั่วกรุง เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์แทนเสียงเรียกร้องความยุติธรรม ขณะที่ผู้มีชื่อเสียงในสังคม อาทิ นักร้อง นักแสดง ก็ร่วมโพสต์ภาพพร้อมข้อความเพื่อเรียกร้องให้เรื่องนี้ไม่เงียบหายใช้อินสตาแกรมส่วนตัว
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของคดีนี้ นอกจากนายเปรมชัย และพวกถูกแจ้งความดำเนินคดีถูกแจ้งความดำเนินคดี 9 ข้อหา แล้ว
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าหน่วยพญาเสือ ได้ปรับประเมินความเสียหายทางระบบนิเวศเพิ่มเติม จากเดิม “เสือดำ” คิดเป็นค่าเสียหายตัวละประมาณ 3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 12,700,000 บาท “ไก่ฟ้าหลังเทา” ประเมินราคาค่าเสียหายเพิ่มเป็นตัวละ 25,000 บาท และหมูป่าค่าเสียหายตัวละ 25,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12,750,000 บาท ซึ่งการฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งครั้งนี้ ถือเป็นการฟ้องแพ่งความเสียหายด้านสัตว์ป่าเป็นครั้งแรกของกรมอุทยานฯ
ทั้งนี้ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) นายยงค์ โดดเครือ นายธานี ทุมมาศ และนางนที เรียมเสน 4 ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง และอีก 8 ข้อหา ศาลนัดรายงานตัวในผัดฟ้องฝากขัง ผัดที่ 5 วันที่ 9 เม.ย.นี้
ขณะที่วันนี้ (4 เม.ย.61) นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 เปิดเผยว่า อัยการภาค 7 มีคำสั่งฟ้องนายเปรมชัย รวม 6 ข้อหา ประกอบด้วยในความผิดฐาน 1.ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาต 2.ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.ร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่า อันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมาย และ 6.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
และมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายเปรมชัย ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับการใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันกระทำการกรุณากรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร (ไม่ฟ้องตั้งแต่ชั้นตำรวจ)
อ่านข่าว
"เปรมชัย" รายงานตัวศาลทองผาภูมิ "คดีล่าเสือดำ"
จับ "ประธานอิตาเลียนไทย" พร้อมอาวุธ-ซากเสือดำ ที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
ย้อนรอยบุกป่าทุ่งใหญ่ฯ รวบเปรมชัย!!
“เสือดำ” สู่การปลุกปฏิกิริยาตอบกลับของสังคม
“กราฟฟิตี้เสือดำ” ทั่วกรุง แทนเสียงเรียกร้องความยุติธรรม !!