วันนี้ (17 เม.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือ ทช. ลงพื้นที่หาดหน้าวัดถ้ำเขาเต่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อตรวจสอบตามคลิปที่ปรากฏในสังคมออนไลน์ว่ามีฉลามว่ายวนเวียนอยู่หน้าหาด โดยรองอธิบดีทช. นายโสภณ ทองดี ยืนยันว่าเป็นฉลามหัวบาตร ซึ่งทะเลบริเวณนั้นเป็นเขตอภัยทานใกล้กับหาดทรายน้อย เขตพระราชฐาน จึงไม่ถูกรบกวนจากการทำประมง ตามกฎหมายที่ห้ามทำการประมงใกล้ชายฝั่งในระยะ 3,000 เมตร และไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเล่นน้ำ ทำให้ธรรมชาติใต้ทะเลมีความอุดมสมบูรณ์
โดยดังนั้นกรณีนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ถูกทำร้าย แพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน ยืนยันว่า เป็นรอยถูกกัดโดยสัตว์ เชื่อว่าน่าจะเป็นฉลามหัวบาตรที่ปรากฏในคลิป ทช.จึงเร่งติดตั้งป้ายประกาศเตือนนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำบริเวณทะเลหน้าวัดถ้ำเขาเต่าและจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าประจำจุดแล้ว แต่จากการสังเกตบาดแผลของนักท่องเที่ยวของผู้เชี่ยวชาญในทช. นายโสภณ บอกว่า น่าจะเกิดจากอาการตกใจของสัตว์ ไม่ใช่กัดเพื่อการล่าเพราะบาดแผลไม่ได้เกิดจากการกัดสะบัด
ทั้งนี้ส่วนความกังวลว่าเมื่อมีฉลามอาศัยอยู่ในบริเวณหาดวัดถ้ำเขาเต่า อาจขยายอาณาเขตไปถึงหาดหัวหินหรือไม่ นายโสภณ เชื่อว่ามีโอกาสน้อย เพราะทะเลหัวหินไม่มีความสงบทางธรรมชาติ มีทั้งเสียงเครื่องยนต์เรือ เจ็ทสกีอึกทึก แหล่งอาหารไม่มี และใกล้จากแหล่งที่พบฉลามราว 2 กิโลเมตร ขณะที่การสำรวจฉลามหัวบาตรบริเวณนี้ยังไม่ชัดเจนว่ามีกี่ตัว แต่จากการสอบถามเจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาเต่า ได้ข้อมูลว่าฉลามหัวบาตรจะเข้ามาวนเวียนอยู่หน้าหาดช่วงบ่ายแทบทุกวัน ซึ่งฉลามหัวบาตรนับว่าเป็นฉลามที่อันตรายติด 1 ใน 3 สายพันธุ์ฉลาม พบได้ทั่วโลกมักอาศัยอยู่ตามโขดหิน แต่สามารถเข้ามาน้ำตื้นได้เพราะตัวไม่ใหญ่ โดยไทยข้อมูลก่อนหน้า พบฉลามหัวบาตรกัดนักท่องเที่ยวเมื่อปี 2558 ที่หาดกะรน จังหวัดภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม วันที่ 20 เม.ย.นี้ อธิบดี ทช. จะลงพื้นที่รับฟังข้อมูล เพื่อหารือวิธีป้องกันนักท่องเที่ยวถูกทำร้ายจากฉลามหัวบาตร ซึ่งอนาคตมีแนวคิดวางอวนกั้นเขตทะเลหน้าหาดหัวหิน เป็นอวนตาถี่คล้ายกั้นแมงกะพรุนกล่องที่ติดตั้งหลายหาดมาแล้ว โดยอวนจะมีความลึกถึงพื้นทะเล และไม่มีผลกระทบต่อสัตว์ทะเลมาติดอวน
