วันนี้ (20 เม.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหารือระหว่างตัวแทนเครือข่ายทวงคืนผืนป่าดอยสุเทพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ค่อนข้างเคร่งเครียด หลังทางศาลไม่อนุญาตให้คณะทำงานทั้งหมดเข้าสำรวจในพื้นที่ก่อสร้าง แม้ว่าจะทำหนังสือขอไปแล้วหลายครั้ง โดยตัวแทนหน่วยงานราชการมีความกังวลกรณีการสั่งรื้อบ้านพักตุลาการว่า อาจถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เอาผิดผู้มีคำสั่งให้รื้อบ้านพักตุลาการ เพราะใช้งบประมาณถูกต้องตามกฎหมาย หลังใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง คณะทำงานฯ ได้ข้อสรุปความเห็นแยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของภาคประชาชน และมติร่วมของคณะทำงาน
โดยความเห็นภาคประชาชน มี 2 ข้อ คือ ให้รื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างเหนือแนวประสีแดงขึ้นไป ตามแนวเขตป่าดั้งเดิม ประกอบด้วยอาคารชุด จำนวน 9 หลัง และอาคารบ้านพักอาศัย จำนวน 45 หลัง และให้มีคณะทำงานพิจารณารื้อถอน วิธีการและการปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย ตลอดจนข้อบังคับต่าง ๆ ตามข้อกังวลของทางราชการ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายที่เกี่ยวข้องร่วมคณะทำงาน
ส่วนข้อเสนอที่เห็นร่วมกัน คือ ข้อแรก ต้องฟื้นฟูสภาพพื้นที่เร่งด่วน เพราะมีความเสี่ยงต่อระบบนิเวศวิทยา และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปิดหน้าดินเพื่อปลูกสร้าง มีความจำเป็นต้องฟื้นฟูสภาพพื้นที่เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมโดยรวมมากยิ่งขึ้น และ เห็นควรนำพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 มาบังคับใช้
ข้อสอง ให้รัฐบาลจัดสรรพื้นที่แห่งใหม่และงบประมาณเพื่อก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างในราชการสำนักงานศาลยุติธรรมทดแทน
ข้อสาม ในพื้นที่ส่วนที่สำนักงานศาลยุติธรรมไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว ให้ส่งคืนกรมธนารักษ์ เพื่อพิจารณาอนุญาตให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศเป็นเขตอุทยาน หรือพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป
และสุดท้าย ให้ประกาศเป็นทางการต่อสาธารณะ ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเพื่อเป็นสัญญาประชาคม ว่าจะไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรใดเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ราชพัสดุที่เป็นป่ารอยต่อ ตามแนวป้องกันระหว่างพื้นราบกับเขตอุทยานแห่งชาติสุเทพ-ปุย เพื่อรักษาไว้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ ก่อนจะประกาศเขตอุทยานแห่งชาติคลุมลงมาให้เป็นป่าผืนเดียวกันในที่สุด
ข้อสรุปทั้งหมดนี้ ทางคณะทำงานจะเสนอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาเพื่อแก้ปัญหาในวันที่ 29 เมษายนนี้ โดยทางเครือข่ายจะติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาตามความต้องการของคนเชียงใหม่ ระหว่างนี้ทางเครือข่ายจะเดินหน้าจัดกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังว่านายกรัฐมนตรีจะพิจารณาด้วยความเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น