วันนี้ (25 เม.ย.61) นายหลู่ย์ เจี้ยน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึง นโยบายใหม่ในการเปิดเสรีของจีน หรือ Modern Policy on Chinese Liberration โดยระบุว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเติบโตจากนโยบายการเปิดประเทศ ซึ่ง จีดีพี (GDP) ในไตรมาสแรกปีนี้บวก 6.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการประกาศเปิดเสรีการค้าของประธานาธิบดีจีน จะมีการเปิดกว้างด้านตลาด เช่น ผ่อนปรนข้อจำกัดการถือหุ้นธนาคาร การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงขยายการนำเข้าโดยไม่ยึดการเกินดุลการค้า ซึ่งจะมีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 20,000 ล้านล้านหยวน
ขณะเดียวกันจีนยังอยู่ระหว่างเชื่อมการเดินทางและการขนส่งเส้นทางสายไหม หรือ One Belt One Road จึงนับเป็นโอกาสต่อประเทศในภูมิภาคอาเซียนอย่างมาก โดยเฉพาะไทยที่มีจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสนำสินค้าไปเสนอขายในจีนได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับอาลีบาบาประกาศเข้ามาลงทุนในไทยจะช่วยเปิดโอกาสสำคัญให้สินค้าไทยสามารถเพิ่มสัดส่วนการส่งออกได้ เพราะมูลค่าการค้าทางอินเทอร์เน็ตในจีนกำลังเติบโตสูง
อย่างไรก็ตามเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ระบุว่า การเปิดเสรีทางการค้าของจีนแม้จะเป็นโอกาสให้สินค้าเกษตรของไทย เช่น ข้าว และยางพาราสามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้ง่ายขึ้น แต่ผู้ประกอบการไทยต้องยอมรับว่าสถานการณ์ตลาดจีนตอนนี้ยังอยู่ในช่วงอิ่มตัว ดังนั้นจึงแนะว่าผู้ประกอบการไทยต้องเร่งพัฒนาสินค้า โดยเฉพาะการแปรรูปสินค้าเกษตรให้เป็นที่ต้องการเพื่อเพิ่มทางเลือก เพราะขณะนี้ประชากรชั้นกลางของจีนมีมากที่สุดในโลก หรือ ประมาณ 400 ล้านคน จึงยังเป็นโอกาสที่สินค้าไทยจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้