เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 61 พนักงานสอบสวนกองปราบปรามเรียกตัวแทนจำหน่ายเข้าสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมนำผลิตภัณฑ์ แอปเปิ้ลสกินกว่า 10 ลัง จากจ.อุดรธานีและชลบุรี มามอบให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อนำไปตรวจส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดนี้
ตัวแทนจำหน่าย เปิดเผยว่า แอปเปิ้ลสลิม ที่มีปัญหา เป็นสินค้าล็อตที่ 6.2 เมื่อทานไปแล้วลูกค้ามีอาการใจสั่น มือสั่นจึงสอบถามไปยังผู้ผลิตแอปเปิ้ลสลิม ได้รับคำตอบว่าได้เปลี่ยนส่วนผสมแต่ไม่แจ้งกับตัวแทนจำหน่าย
สำหรับผลิตภัณฑ์ ที่พบปัญหามีเลขอย. 13 หลัก ที่บริเวณหลังกล่อง และบริเวณซอง ระบุไม่ตรงกัน โดยพบความแตกต่างของเลขตัวหน้า คือที่บริเวณ กล่องเลขตัวแรก เป็นเลข 1 ขณะที่บริเวณซอง เลขตัวเลข เป็นเลข 7 และเมื่อรวบรวมข้อมูลตัวแทนจำหน่ายที่พบปัญหาดังกล่าว พบว่าสินค้าล็อตนี้กระจายทั่วประเทศ เมื่อติดต่อขอคืนสินค้า เจ้าของกลับบ่ายเบี่ยงขอเปลี่ยน แทนการคืนเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 1 ใน 8 ผู้ต้องหา คือ น.ส.ธนัญพรรธน์ บุญโญสิทธิ์ เดินทางมาพร้อมทนายความ เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม แต่ยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จากการสอบปากคำอ้างว่าตนเองถูกหลอกเป็นผู้เสียหายเช่นกัน เสียเงินไปกว่า 60 ล้านบาท
ส่วนด้าน นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ระบุว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทยาลดความอ้วนในไทยบางยี่ห้อมีส่วนผสมของสาร “ไซบูทรามีน” เป็นสารต้องห้ามของ อย. เข้าไปด้วย รวมถึงพบว่าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในท้องตลาดกว่า 40% ไม่ได้มาตราฐาน โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหารเสริม
เช่นเดียวกับ นายวชิระ อำพนธ์ ผู้อำนวยการกองควบคุมวัตถุเสพติด ระบุว่า สารไซบูทรามีน เป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ส่งผลทำให้มีความรู้สึกไม่หิว หรืออิ่มเร็วขึ้น ก่อนหน้านี้ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาในปี 2540 ว่าช่วยลดน้ำหนัก และลดปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ แต่จัดเป็นยาที่ได้รับการควมคุมดูแลเป็นพิเศษ แต่ผลการศึกษาพบว่า ไซบูทรามีน ทำให้เกิดภาวะไตวาย ผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร มีโอกาสเสี่ยงเกิดโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดตีบตัน และอาจทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้
ในปี 2553 ทางประเทศในยุโรปจึงประกาศยกเลิกไม่ให้ใช้ยานี้ รวมทั้งในประเทศไทยด้วยที่เรียกเก็บยาที่มีสารไซบูทรามีนออกจากท้องตลาด และยกเลิกทะเบียนยาไซบูทรามีน การพบไซบูทรามีนในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จึงเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย