เมื่อวันที่ (9 พ.ค. 61) ย้อนกลับไปดูการประชุมคณะรัฐมนตรีตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมาพบว่า พลเอกประยุทธ์ นำคณะรัฐมนตรี ไปประชุม ครม. นอกสถานที่ หรือที่เรียกว่า ครม.สัญจร ตามจังหวัดต่างๆ เริ่มตั้งแต่วันที่ 18-19 กันยายน 2560 ครม.สัญจรจัดที่ สุพรรณบุรี และพระนครศรีอยุธยา วาระสำคัญคือการพิจารณาเมกะโปรเจ็กต์เพื่อการบริหารจัดการน้ำ และการแก้ปัญหาเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย
ส่วนในมุมการเมืองจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นฐานที่มั่นของพรรคชาติไทยพัฒนา จึงเห็นภาพการพบปะพูดคุยระหว่าง พลเอกประยุทธ์ กับ นายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชาย นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย รวมทั้งนายประภัตร โพธสุธน แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา และสมาชิกพรรค ออกมาต้อนรับ นับเป็นกลุ่มการเมืองกลุ่มแรก ๆ ที่ออกมาต้อนรับนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นก็มีการปรับคณะรัฐมนตรีดึงนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ มานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ต่อมาวันที่ 25-26 ธันวาคม 2560 ครม.สัญจรไปจังหวัดพิษณุโลก-สุโขทัย ยังเป็นเรื่องแผนบริหารจัดการน้ำ แผนการพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือเพื่อเชื่อมเส้นทางคมนาคมเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
การเยือนสุโขทัยครั้งนั้น พลเอกประยุทธ์ปิดห้องคุยกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต ส.ส.สุโขทัย และแกนนำกลุ่มมัชฌิมา พร้อมด้วย อดีต ส.ส.และผู้นำท้องถิ่นหลายสิบคน ช่วงต้นปี 2561 ครม.สัญจร กระชับพื้นที่แนบแน่นกับอดีตนักการเมืองมากขึ้น รูปธรรมที่เห็นชัดเจนที่สุด คือ ครม.สัญจร ที่จันทบุรี และตราด เมื่อวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ 2561
ไฮไลท์การบริหารอยู่ที่แผนยุทธศาสตร์มหานครผลไม้โลก และแผนลงทุนจัดตั้งระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ส่วนไฮไลท์ทางการเมือง คือ การพบปะพูดคุยระหว่างนายกรัฐมนตรี กับ บรรดานักการเมืองระดับชาติ และท้องถิ่น หลายสิบคน ในจำนวนนั้นมี นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล นายวิทยา คุณปลื้ม นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีสมาชิกจากพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วม
ต่อมาวันที่ 17 เมษายน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติแต่งตั้ง นายสนธยา เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านการเมือง และนายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
วันที่ 5-6 มีนาคม ครม.สัญจรลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และเพชรบุรี วาระสำคัญคือแผนพัฒนาศูนย์ด้านอาหารทะเล และติดตามการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายและแรงงานต่าวด้าว
การลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง พลเอกประยุทธ์ ร่วมหารือถึงแนวทางการพัฒนาพื้นที่และรับฟังข้อเสนอแนะจากลุ่มนักการเมืองระดับชาติ และระดับท้องถิ่น อาทิ นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นางสาวรังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายยุทธพล อังกินันทน์ อดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นต้น
ล่าสุด ครม.สัญจร ลงพื้นที่อีสานตอนล่าง เยือนจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ โดยในพื้นที่ได้เสนอแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานนับร้อยโครงการ วงเงินงบประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่ที่ถูกจับตาคือการพบปะกับนักการเมืองในพื้นที่ โดยที่จังหวัดสุรินทร์ นายกรัฐมนตรีได้พบกับ พลเอกธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. และแกนนำพรรคชาติพัฒนา ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 12 รุ่นเดียวกับนายกฯ ส่วนที่จังหวัดบุรีรัมย์ พลเอกประยุทธ์ ได้พบกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
แม้ว่าการลงพื้นที่ของ ครม.จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการใช้งบประมาณเพื่อหวังผลการทางเมือง แต่ พลเอกประยุทธ์ อธิบายว่า ทุกพื้นที่ที่ขอมา มีหลักการอธิบาย จะเห็นชอบโครงการอะไรต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ และพื้นที่มีความพร้อม ไม่ได้ให้เพื่อเอาใจนักการเมืองเจ้าของพื้นที และในการเยือนอีสานตอนล่างครั้งนี้นายกฯ ก็ย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง เช่นเดียวกับฝ่ายนักการเมืองที่ได้พบปะกับพลเอกประยุทธ์ต่างประสานเสียงว่าไม่มีเรื่องการเมือง แต่ในมุมมองของนายจตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย เห็นว่า นี่เป็นการเจรจาเพื่อขอเสียงสนับสนุนในการเข้าสู่อำนาจต่อไปในอนาคต