การประชุมคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยมีนพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้มีการพิจารณาวาระเรื่องการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ใช้เวลาหารือนานกว่า 3 ชั่วโมง
นพ.โสภณ เปิดเผยว่า องค์การเภสัชกรรม มีการหารือกัน เพื่อจัดทำแผนการพัฒนาใช้กัญชาทางการแพทย์ เบื้องต้นจะใช้พื้นที่ขององค์การเภสัชกรรม ย่านพระราม 6 เป็นตึกขนาด 1,110 ตารางเมตร ใช้ในการเพาะปลูก และพัฒนาสายพันธุ์รวมถึงสถานที่สกัดสารสำคัญ การวิจัยและการผลิต ยังต้องมีการปรับปรุงและวางระบบควบคุมเพื่อป้องกันการเล็ดลอดออกสู่ภายนอกอย่างเข้มงวด
โดยตั้งเป้าว่าพื้นที่ดังกล่าวจะผลิตกัญชาได้ 500 กิโลกรัมต่อปี และนำไปวิจัยในคนได้ 500 คน เพื่อรักษาโรคที่มีผลวิจัยต่างประเทศรองรับ อาทิ โรคลมชัก โรคพาร์กินสัน โรคมะเร็งระยะสุดท้าย รวมถึงการศึกษาว่าโรคอัลไซเมอร์ โรคออทิสติก กัญชาจะมีส่วนช่วยได้หรือไม่
ส่วนกฎหมายยังไม่อนุญาตให้ปลูกกัญชานั้น นพ.โสภณ คิดว่าจะขออนุญาตใช้กัญชาของกลางที่จับกุมได้มาใช้ก่อน และอาจจะขออนุญาตสำรวจกัญชาตามธรรมชาติ และนำเข้าจากต่างประเทศ
โดยขณะนี้มีกฎหมาย 2 ตัวคือพระราชบัญญัติยาเสพติด พ.ศ. 2522 ซึ่งอนุญาตให้ดำเนินการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ได้ และร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดที่คาดว่าจะนำเข้าคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ในสัปดาห์หน้า ก่อนส่งเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ด้าน ผศ.วิเชียร กีรตินิจกาล นักปรับปรุงพันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ช่วงแรกจะนำเข้าสายพันธุ์กัญชาจากต่างประเทศ 20 สายพันธุ์ แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะนำเข้ามาจำนวนเท่าไหร่ โดยนำเข้าเพื่อวิจัยปริมาณสารสำคัญต่างๆ และพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมเมืองไทย เพราะต้องยอมรับว่าสายพันธุ์ต่างประเทศ อาจไม่ทนต่อสภาพอากาศของไทย
สำหรับกัญชาธรรมชาติในประเทศไทย ส่วนมากจะพบได้แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และแม้ประเทศไทยจะเพิ่งเริ่มเดินหน้าเรื่องนี้ แต่คิดว่ายังไม่สายเกินไปที่จะทำ จึงไม่อยากให้กลัวกัญชา