ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค 2561 เป็นต้นไป โดย พ.ร.บ.ฉบับนี้มีทั้งหมด 73 มาตรา รวมบทเฉพาะการ
เหตุผลของการตรา พ.ร.บ. เพื่อกำหนดให้ภาคตะวันออกเป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)ที่มีการวางแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ชัดเจนแน่นอนสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีการบูรณาการ การจัดทำโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคให้ต่อเนื่องและเชื่อมโยงกัน ทั้งในและนอกเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พัฒนาเมืองให้มีความทันสมัยระดับนานาชาติ ที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยและการประกอบกิจการ มีการให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร รวมทั้งให้สิทธิประโยชน์ทั้งแก่ผู้ประกอบกิจการและผู้อยู่อาศัยในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเป็นการเฉพาะ
ส่วนสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.อีอีซี อาทิ มาตรา 6 กำหนดให้พื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง และพื้นที่อื่นใดที่อยู่ในภาคตะวันออกที่กำหนดเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกา เป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
มาตรา 39 ในหมวด 5 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ กำหนดเป้าหมายอุตสาหกรรมพิเศษ ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย 1.ยานยนต์สมัยใหม่ 2.อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 3.การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ 4.การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 5.การแปรรูปอาหาร 6.หุ่นยนต์ 7.การบินและโลจิสติกส์ 8.เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 9.ดิจิทัล และ 10.การแพทย์และสุขภาพครบวงจร
มาตรา 52 การเช่า เช่าช่วง ให้เช่า หรือให้เช่าช่วงที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ห้ามมิให้ทำสัญญาเช่าเป็นกำหนดเวลาเกิน 50 ปี ถ้าได้ทำสัญญากันไว้เป็นกำหนดเวลานานกว่านั้นก็ให้ลดลงมาเป็น 50 ปี การต่อสัญญาเช่า อาจทำได้ แต่จะต่อสัญญาเกิน 49 ปี นับแต่วันครบ 50 ปีไม่ได้
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มองว่า จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น จากก่อนหน้านี้ ก็สร้างความเชื่อมั่นมาเป็นลำดับอยู่แล้ว และจะก่อให้เกิดการผลักดัน ให้นักลงทุนตัดสินใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซีมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้จะเห็นว่ามีการยื่นขอรับการ ส่งเสริมการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เข้ามายังพื้นที่อีอีซีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย