เมื่อวันที่ 21 พ.ค.61 กลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้นัดรวมตัวกันบริเวณข้างรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้านข้างหอประชุมศรีบูรพา หลังจากสนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีเชือกมาล้อมไว้ ปิดไม่ให้ใช้งาน โดยมีป้ายประกาศว่างดใช้สนามชั่วคราว เนื่องจากกำลังลงปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืช ช่วงวันที่ 20-23 พ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่แกนนำแถลงข่าวกำหนดการชุมนุมในวันพรุ่งนี้(22 พ.ค.61) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาตรวจสอบความเรียบร้อย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจ ส่งเสียงโห่ร้อง
จากนั้น นาย สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ยืนยันว่า วันพรุ่งนี้ จะยังคงเคลื่อนขบวนนำมวลชนไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงสัญญาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้กำหนดวันเลือกตั้งภายในปีนี้ พร้อมระบุว่าหากไม่กำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจนภายในเดือนมิ.ย. จะยกระดับการชุมนุมขึ้นอีก
นอกจากนี้ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งยืนยันว่าการเคลื่อนขบวนวันพรุ่งนี้จะไม่ใช่การเข้าไปบุกยึดทำเนียบรัฐบาล เพียงแค่ไปทวงสัญญาโดยสันติวิธี จึงขอให้รัฐบาลเปิดทางให้ผู้ชุมนุมด้วย
ทำเนียบตั้งแผงเหล็กประกาศพื้นที่ควบคุมรับมือม็อบ
ขณะที่บรรยากาศบริเวณทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กมาตั้งเรียงกันเป็นแนวตั้งแต่บริเวณประตู 5 ถนนราชดำเนิน และพื้นที่โดยรอบของทำเนียบรัฐบาลประมาณ 70เปอร์เซ็นต์ หลังมีคำสั่งประกาศให้ทำเนียบรัฐบาลเป็นพื้นที่ควบคุม ห้ามชุมนุมใกล้ในระยะ50 เมตร ตั้งแต่วันนี้ 21พ.ค.61เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังมีแผนส่งตำรวจสันติบาลกองกำกับการ 3 และ 4 ทำหน้าที่ร่วมกับกองสถานที่และรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล มาประจำเตรียมพร้อมรับมือกับการเคลื่อนขบวนของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในเช้าวันพรุ่งนี้
“ประวิตร” ปูดมีกลุ่มป่วนร่วมชุมนุม
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ระบุว่า หากมีความรุนแรงเกิดขึ้น แกนนำต้องรับผิดชอบ เพราะการข่าวยืนยันชัดเจนว่า จะมีกลุ่มนิยมความรุนแรงเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง
“ศรีวารห์” ห้ามสื่อปะปนผู้ชุมนุม-จัด20กองร้อยดูแลความปลอดภัย
ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ ดูแลสถานการณ์ในวันที่ 22 และ 23 พ.ค.พร้อมกับทำความเข้าใจแนวทางปฏิบัติกับสื่อมวลชน โดยระบุว่า สื่อที่จะติดตามทำข่าวจะต้องปฏิบัติตาม 3 เงื่อนไขอย่างไม่มีข้อแม้ ประกอบด้วย การสวมปลอกแขนตลอดเวลาการทำหน้าที่ ห้ามเข้าไปปะปนกับกลุ่มผู้ชุมนุมโดยให้อยู่เฉพาะฝั่งตำรวจเท่านั้น และสุดท้ายนำเสนอข้อมูลในลักษณะยั่วยุทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด การไม่ปฏิบัติตามจะไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ทำงาน เพราะตำรวจไม่สามารถรับผิดชอบความปลอดภัยให้ได้
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย ได้จัดตำรวจชุดคุมฝูงชนไว้ประมาณ 20 กองร้อยดูแลความสงบเรียบร้อย หากพบว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย เช่น มีการเคลื่อนขบวน ใกล้เขตพระราชฐาน หรือพื้นที่ควบคุม 50 เมตร รอบทำเนียบรัฐบาล ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมาย