เมื่อวันที่ (22 พ.ค. 61) นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กระทรวงพลังงานจะมีการผ่อนผันมาตรการควบคุมไม่ให้ผู้ประกอบการประกาศราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศล่วงหน้า หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงผันผวน เบื้องต้นจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถแจ้งราคาขายปลีกล่วงหน้าให้กับประชาชนได้รับทราบก่อน 1 วันตามเดิม จนกว่าจะผลิตน้ำมันไบโอดีเซลเกรดพิเศษ หรือ B20 ออกจำหน่ายที่คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้ในช่วงสิ้นเดือนมิถุยายน-ต้นเดือนกรกฎาคมนี้
ส่วนมาตรการดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันในช่วงนี้ที่ยังไม่เปิดจำหน่ายน้ำมัน B20 กระทรวงพลังงานเตรียมเสนอมาตรการดูแลราคาน้ำมันดีเซลเข้าที่ประชุม กบง.พิจารณาสัปดาห์นี้ โดยจะใช้กลไกของกองทุนน้ำมันที่มีอยู่เงินอยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาทมาเป็นเครื่องมือในการรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยหากในอนาคตราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้นสูงกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จะนำเงินกองทุนฯเข้าอุดหนุน 50% ของราคาที่จะเพิ่มขึ้น คือ หากราคาน้ำมันโลกปรับเพิ่มขึ้น 1 บาท จะใช้เงินกองทุนเข้าไปอุดหนุน 50 สตางค์ โดยหากราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงกว่า 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เงินกองทุนจำนวน 3 หมื่นล้านจะช่วยพยุงราคาได้เป็นระยะเวลา 10 เดือน
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการที่เรียกร้องขึ้นค่าโดยสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ขอให้ปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำมัน B20 เพราะจะมีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร โดยขอให้ผู้ประกอบการคลายความกังวลไม่กล้าเปลี่ยนเชื้อเพลิง โดยยืนยันว่า ไม่เกินความสามารถของช่าง ขณะเดียวกันยืนยันว่าจะไม่มีการนำเงินในกองทุนฯเข้าไปอุดหนุนค่าขนส่งเฉพาะส่วนเพราะจะไม่เป็นธรรมกับทุกคนที่มีภาระต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนฯทั้งหมด
มาดูโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซล ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 29.79 บาท เป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษีท้องที่ของแต่ละจังหวัด ราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่นจะอยู่ที่ลิตรละ19.4339 บาท เป็นภาษีสรรพสามิต 5.85 บาท ภาษีเทศบาล 0.585 บาท กองทุนน้ำมัน 1 สตางค์ กองทุนอนุรักษ์พลังงาน 10 สตางค์ ภาษีมูลค่าเพิ่ม 1.8185 บาท รวมราคาขายส่ง 27.7974 บาทต่อลิตร เมื่อซื้อน้ำมันแล้วแต่ละปั้มก็จะได้ค่าการตลาด 1.8623 บาท ภาษีค่าการตลาด 0.1304 บาท จึงทำให้ราคาน้ำมันดีเซลปัจจุบันอยู่ที่ 29.79 บาท
