วันนี้(25 พ.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมนี้ ราคาแอลพีจีที่ใช้ในครัวเรือน คือ ขนาดถัง 15 กิโลกรัม จะลดลงอีก 32 บาทต่อถัง หรือไม่เกิน 363 บาท จากปัจจุบันที่ราคาพุ่งสูงกว่า 395 บาทต่อถัง เพราะล่าสุดคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. มีมติเห็นชอบให้นำเงินจากกองทุนน้ำมันฯเข้าไปช่วยตรึงราคาในประเทศ เพื่อลดผลกระทบเกี่ยวกับค่าครองชีพ โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้าราคาแอลพีจีในตลาดโลกจะลดลงประมาณ 20 บาท ดังนั้นจะมีการใช้เงินกองทุนฯเข้าไปอุดหนุนประมาณ 10 บาท
นอกจากนี้ กบง. ยังมีมติเห็นชอบแนวทางดูแลราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศ โดยจะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาทเป็นเครื่องมือในการอุดหนุน เพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลให้ไม่สูงเกินกว่า 30 บาทต่อลิตรเป็นระยะสั้นๆจนกว่าจะมีน้ำมันดีเซล B20 ออกมาจำหน่าย ซึ่งสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบันมีเงินเหลืออยู่ 3 หมื่น 500 ล้านบาท
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันว่า เงินกองทุนน้ำมันฯ จะเพียงพออุดหนุนราคาขายปลีกดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรได้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 10 เดือนในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบไม่เกิน 90 ดอลลาร์หรัฐต่อบาเรล แต่ในส่วนของกองทุนแอลพีจีมีเงินเหลืออยู่ 551 ล้านบาท ก็ยืนยันว่าจะเพียงพอรองรับการอุดหนุนราคาแอลพีจีไปได้อีก 2 เดือน ซึ่งคาดว่าจะได้ใช้ประมาณ 200 ล้านบาทต่อเดือน เพราะราคาแอลพีจีในตลาดโลกจะปรับลดลง จึงไม่มีความจำเป็นที่จะเข้าไปอุดหนุนแอลพีจีต่อในระยะยาว
ล่าสุด บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ประกาศราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หรือ ก๊าซหุงต้ม โดยราคาจะลดลง 2 บาทต่อกิโลกรัม (ราคารวม VAT) และสำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม จะมีราคาอยู่ที่ 365 บาท ซึ่งลดลงจากเดิม 30 บาทต่อถัง มีผลตั้งแต่วันที่ 25 - 28 พฤษภาคม 2561