ผู้นำโลกคนแรกที่ตื่นเต้น และสนใจการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ จนแทบไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน คือ ประธานาธิบดี มุน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ ซึ่งเกาะติดรายงานสดตั้งแต่เช้า โดยเฉพาะในช่วงที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จับมือกับ คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ก่อนเริ่มต้นการประชุม นายมุนพยักหน้าและยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมทั้งแสดงความหวังว่าการประชุมครั้งนี้ จะนำไปสู่ยุคใหม่ที่ปลอดนิวเคลียร์อย่างสิ้นเชิง รวมถึงความสัมพันธ์ในทิศทางใหม่ระหว่าง เกาหลีใต้ เกาหลีเหนือ และสหรัฐฯ
ฝั่งพี่ใหญ่อย่างจีน ก็ออกมาขานรับผลการประชุมในวันนี้ โดยนาย หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่กรุงปักกิ่งว่า รัฐบาลจีนรู้สึกยินดีกับผลการประชุมครั้งนี้ โดยมองว่าสองผู้นำได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลหวังจะให้เกิดขึ้นมาโดยตลอด และจากนี้ รัฐบาลจีนจะยังคงเข้าไปมีบทบาท และร่วมผลักดันให้ทุกฝ่ายสานต่อการประชุมครั้งนี้ รวมถึงอาจมีการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรที่เคยบังคับใช้ต่อเกาหลีเหนือด้วย
ด้าน นาย อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุว่า พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ หากได้รับการร้องขอจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หลังจากการประชุมครั้งนี้
ขณะที่ นายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด ของมาเลเซีย ประกาศว่าจะกลับมาเปิดสถานทูตมาเลเซียในกรุงเปียงยางตามเดิม หลังจากก่อนหน้านี้ปิดตัวไปหลังเกิดความตึงเครียด กรณีลอบสังหาร นาย คิม จอง-นัม พี่ชายของผู้นำเกาหลีเหนือ ที่สนามบินในกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อปีที่แล้ว
ด้านบรรยากาศที่ประเทศเกาหลีใต้ มีคนให้ความสนใจติดตามการประชุม ผ่านการถ่ายทอดสดบนทีวีจอยักษ์ที่สถานีรถไฟในกรุงโซล ซึ่งผู้ที่รับชมต่างแสดงความหวังว่าการพบกันของผู้นำทั้งสองจะนำไปสู่การยุติการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ เพื่อสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี และทำให้การรวมชาติระหว่างสองเกาหลีมีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม
แต่ที่คึกคักหน่อย เห็นจะเป็นที่ย่านโคเรียทาวน์ ในนครลอสแองเจลิส ของสหรัฐฯ มีชาวเกาหลีเชื้อสายอเมริกัน ออกมารับชมถ่ายทอดสดตามร้านอาหารและบาร์ในพื้นที่ ซึ่งทันทีที่เห็นภาพการจับมือกันครั้งประวัติศาสตร์ ทุกคนก็พร้อมใจกันปรบมือและโห่ร้องแสดงความดีใจ
ขณะที่บรรดานักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนชาวเกาหลีใต้ รวมถึงชาวเกาหลีเหนือที่ลี้ภัยออกนอกประเทศ ที่ได้รับชมการถ่ายทอดสดครั้งนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การที่ได้เห็น คิม จอง-อึน ยอมออกนอกประเทศ และออกจากคาบสมุทรเกาหลี ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น เพราะคิมเป็นที่กลัวการถูกลอบสังหาร ความกล้าหาญในวันนี้ของเขา เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ และหากคิมเห็นแก่ประชาชนและประเทศ ก็ควรจะสานต่อการเจรจานี้ต่อไป