ทหาร-ตำรวจสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบในพื้นที่ของเกาะพีพี จ.ภูเก็ตเพื่อจัดระเบียบให้มีความเรียบร้อย และปลอดภัย แก่นักท่องเที่ยว หลังมีการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า พื้นที่ก่อสร้างและโรงแรมบางแห่ง ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และรุกล้ำพื้นที่อุทยานฯ
จุดแรกพบพื้นที่ก่อสร้างโรงแรม และที่พักอาศัย ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง มองเห็นวิวของทะเลที่สวยงาม ซึ่งขณะนี้ ขึ้นโครงสร้างของที่พักไว้กว่า 30 หลัง นอกจากนี้ ยังมีการก่อสร้างบ่อน้ำขนาดใหญ่ไว้ด้วย
นายณรงค์ศักดิ์ ปัทมปาณีวงศ์ เจ้าของกิจการโรงแรมที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ดังกล่าว ได้นำเอกสารสิทธิ์การครอบครองที่ดินที่ทำการก่อสร้าง มาแสดงกับเจ้าหน้าที่ว่า ที่ดินดังกล่าว มีเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก จำนวน 47ไร่ และได้ขออนุญาต ก่อสร้างเป็นอาคารที่พักเพื่อเปิดเป็นโรงแรม ในครั้งแรก ยื่นขอก่อสร้างจำนวน 9 หลัง และมีการยื่นแบบเพื่อขอก่อสร้างเพิ่มเติม อีก 2 ครั้ง รวมอาคารที่ก่อสร้างขณะนี้ จำนวน 34 หลัง เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2560 ส่วนบ่อน้ำขนาดใหญ่นั้น ได้ก่อสร้างไว้ เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ใน
จุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบการก่อสร้างลิฟต์ คล้ายกับบันไดเลื่อน เพื่อขึ้นไปยังอาคารที่พัก ซึ่งขณะนี้ ยังไม่แล้วเสร็จ โดย นายปิยะวัฒน์ ชูเทพ ผู้อำนวยการกองช่าง อบต. อ่าวนาง เปิดเผยว่า สำหรับสถานที่แห่งนี้ มีการขออนุญาตก่อสร้างลิฟต์กับทาง อบต.อ่าวนาง แล้ว และเสนอแบบ มาอย่าง ถูกต้อง เพราะลักษณะการก่อสร้างลิฟต์ลักษณะนี้แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆก็มี แต่ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย ทาง อบต. ก็ได้มีการเข้ามาร่วมตรวจสอบเป็นระยะ เพื่อดูเรื่องของความปลอดภัย
จุดที่ 3 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสถานประกอบกิจการโรงแรมที่พัก ที่ก่อสร้างไว้ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา -หมู่เกาะพีพี พบว่า ขณะนี้ยังมีโรงแรมที่พักที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์การครอบครองที่ดิน
ด้านนายพัฒพงศ์ การดี ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา -หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า ในจุดที่เข้ามาตรวจสอบ นั้น ยังมีอีก 5 ผู้ประกอบการ ที่อ้างว่า ได้เช่าสิทธิ์ต่อจาก ผู้เช่ารายเดิม ที่อยู่มาก่อนจะประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งทางอุทยานฯเอง ก็ได้ให้สิทธิ์กับผู้ประกอบการในการชี้แจงเอกสารการครอบครอง หากยังไม่มีการชี้แจงถึงการครอบครองได้ ก็จะต้องแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอน เพราะก่อนหน้านี้ ทางอุทยานฯ ได้ดำเนินการแจ้งความ กับผู้ประกอบกิจการโรงแรม ไปแล้ว 9-10 ราย ที่ทำการก่อสร้างที่พักบุกรุกที่อุทยานฯ รวมกว่า 50 ไร่ ส่วนที่เหลืออีก 30-40 ไร่ ที่ยังมีการรุกที่ ของอุทยานฯ นั้น อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบเอกสาร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการเช่นกัน
