สธ. เฝ้าระวัง “ไข้เลือดออก”ระบาด พบผู้ป่วยแล้ว 1.7 หมื่นคน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กระทรวงสาธารณสุข คาดสถานการณ์โรคไข้เลือดออกปีนี้รุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมา หลังพบผู้ป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้ว 17,000 คนพร้อมกำชับประชาชนให้สังเกตอาการ หากป่วยเป็นไข้สูงติดต่อกันหลายวัน ควรพบแพทย์ทันที

สถิติจากกรมควบคุมโรค รายงานว่าตั้งแต่ต้นปี 2561 จนถึงปัจจุบัน พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้วกว่า 17,000 คน หากเปรียบเทียบกับผู้ป่วยช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว พบว่ามีอัตราเพิ่มสูงขึ้นมาก ส่วนผู้เสียชีวิต มีอัตราใกล้เคียงกัน พบยอดผู้เสียชีวิตไปแล้ว 21 คน ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ที่มีโรคแทรกซ้อน

นพ.อภิญญา  นิรมิตสันติพงศ์  รองผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกปีนี้รุนแรงกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากเกิดฝนตกตั้งแต่ช่วงต้นปี ทำให้มีแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก คาดการณ์ว่า สถานการณ์จะรุนแรงในช่วงเดือน ก.ค. และ ส.ค. อาจมีผู้ป่วยพุ่งสูงถึง 10,000 คน ต่อเดือน

ส่วนข้อสังเกตอาการของไข้เลือดออก สามารถสังเกตได้จาก ผู้ป่วยมีไข้สูงติดต่อกันหลายวัน แม้จะกินยาลดไข้แล้วแต่ไข้ไม่ลดลง บางรายอาจมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศรีษะ และปวดหัวร่วมด้วย หากเป็นเช่นนี้ ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคโดยเร็ว

ส่วนกรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก “ดราม่า แอดดิต” โพสต์ข้อความเตือนประชาชนที่ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก ไม่ควรหายาลดไข้มากินเอง เพราะยาลดไข้หลายชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้เลือดออกมากขึ้น โดยเฉพาะ ยาลดไข้ในกลุ่ม “ไอบูโพรเฟน” และ “แอสไพริน”  เภสัชกร องค์การเภสัชกรรม ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ยาทั้ง 2 ชนิดนี้ มีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการการระคายเคือง หากผู้ที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกทานเข้าไป จะส่งผลให้มีความเสี่ยงเลือดออกในร่างกายมากขึ้น

ล่าสุดกรมควบคุมโรค ตั้งศูนย์ปฏิบัติการโรคไข้เลือดออก เพื่อติดตามการระบาดอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นสั่งการใฟ้ทุกพื้นที่เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของยุงลาย และกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ พร้อมขอความร่วมมือประชาชน ร่วมกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ และป้องกันไม่ให้ยุงกัด เพราะถือเป็นวิธีป้องกันดีที่สุด

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ