เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจควบคุมตัวนายสุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความ มาที่ กองบังคับการปรามปราบการกระทำผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) โดยนายสุกิจ ชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า ไม่เคยมีบ้านพักบนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ละเมา ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช ตามที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาว่าบุกรุก และไม่เคยมีซากไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครอง
จากนั้น พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ทำหน้าที่ซักถามเอง เบื้องต้นนายสุกิจ รับสารภาพว่าบุกรุกพื้นที่ดังกล่าวจริง แต่เป็นการบุกรุกในคดีเก่า เมื่อปี 2557 ซึ่งขณะนั้นอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี ส่วนคดีใหม่วันนี้ ที่ถูกจับกุมข้อหาบุกรุกสร้างบ้านพักในพื้นที่ป่าสงวนฯ และที่อุทยานฯ ยังคงให้การปฏิเสธเช่นเดิม
สำหรับการจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจาก เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีผู้บุกรุกพื้นที่ป่า บริเวณหมู่ 8 ต.ด่านแม่ละเมา อ.แม่สอด จ.ตากจนตำรวจเข้าตรวจสอบและพบ นายบรรพจน์ อาจวงษ์สา กับ นายสำรวย พรเจริญ ในพื้นที่ ซึ่งทั้งสองให้การว่า รับจ้างเฝ้าบ้านพักหลายหลังให้กับนายสุกิจ ซึ่งอยู่บนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ละเมา และอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช ทั้งยังพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าต้นน้ำชั้นคุณภาพ ลุ่มน้ำ 1 A และลุ่มน้ำที่ 2 มีเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ 3 งาน 92 ตารางวา
ขณะเดียวกันยังพบมีการใช้รถแบคโฮขุดตักปรับสภาพหน้าดิน บริเวณหน้าอาคารสร้างใหม่มีป้ายคอนกรีตเขียนชื่อโครงการอาหารกลางวันเด็กและนักเรียนมูเซอใหม่ฯ รวมทั้งพบรถยนต์กระบะ รถบรรทุก รถแบคโฮ รถแทรกเตอร์ เครื่องปั่นไฟ และซากไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง 2 ซาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อรัฐทั้งหมดประมาณ 396,852 บาท
จึงนำมาสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ใน 5 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันยึดถือครอบครอง ก่นสร้าง เผาป่า โดยกระทำแก่ที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ,ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อเป็นของตัวเอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 , ร่วมกันยึดถือครอบครองที่ดิน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 16(1) (4) และมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ,ร่วมกันทำประโยชน์หรือที่อยู่อาศัย อันเป็นการทำให้สภาพป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมเสีย โดยได้กระทำแก่ต้นน้ำลำธารซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และสุดท้ายคือข้อหา ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ครอบครอง
โดยตำรวจจะเร่งสอบปากคำให้เสร็จภายในคืนนี้ หากผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หรือทำลายพยานหลักฐานที่ส่งผลกระทบต่อรูปคดี ก็จะให้ประกันตัวด้วยการยื่นหลักทรัพย์ 2 แสนบาท