“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” กับคดีความที่ทำให้หมดอิสรภาพ !


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เมื่อวานนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ สั่งจำคุก "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ฐานจงใจไม่แสดงรายการบัญชีทรัพย์สิน 2 เดือน ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี รับสารภาพลดโทษ เหลือจำคุก 1 เดือน ไม่รอลงอาญา พร้อมค้านประกันตัวส่งขังเรือนจำทันที แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ

“ไม่มีอะไรดีเท่า อิสรภาพ”.. หนึ่งในคำพูดหลังจาก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” ได้รับพระราชทานอภัยโทษถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.59 ครั้งนั้นศาลได้มีคำสั่งตัดสินจำคุก 2 ปี ในคดีรื้อบาร์เบียร์ย่านสุขุมวิทปี 2546 เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาสูญสิ้นอิสรภาพเป็นครั้งแรก



ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 ม.ค.59 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัว “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขังของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำเป็นเวลา 2 ปี พร้อมจำเลยคนอื่นๆ หลังศาลฎีกาพิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญา ในคดีรื้อบาร์เบียร์ย่านสุขุมวิทซอย 10 เมื่อปี 2546 และถือว่าคดีนี้ได้สิ้นสุดกระบวนการยุติธรรมแล้ว คำตัดสินของศาลฎีการะบุว่า การกระทำของจำเลยไม่ยำเกรงกฏหมายบ้านเมืองถือว่ามีพฤติกรรมร้ายแรง แต่ “ชูวิทย์” ได้ชดเชยให้ผู้เสียหายบางส่วนและนำที่ดินทำเป็นสวนสาธารณะ จึงลดโทษจากที่ศาลอุทธรณ์ให้จำคุก 5 ปี เหลือ 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา ครั้งนั้น “ชูวิทย์” ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเข้าฟังคำตัดสินของศาลว่า ยอมรับในคำพิพากษาของศาลแม้จะต้องถูกจำคุกก็ตาม

เมื่อเวลาผ่านไป “ชูวิทย์” รับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีรื้อบาร์เบียร์ ต้องโทษจำคุก 2 ปี จนได้รับการลดโทษ 1 ใน 4 ของโทษทั้งหมดเพราะเป็นนักโทษชั้นดี เข้าเงื่อนไขได้รับพระราชทานอภัยโทษ ได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 16 ธ.ค.61 การได้รับปล่อยตัวในวันนั้น เขาระบุว่า “ที่ผ่านมาผมใช้กระบวนการต่อสู้ทางกฎหมายทุกอย่าง เมื่อผมแพ้ ผมก็ไปติดคุก เป็นกติกาของสังคมที่ใช้ร่วมกัน วันนี้ผมได้ออกมา ระหว่างที่ผมอยู่ ผมปฏิบัติตัวเหมือนนักโทษทุกประการ และสาบานได้ว่าผมไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษใด เมื่อผมได้ก้าวเข้าไปในคุกวันนั้น ผมเป็นนักโทษชายเด็ดขาด ชื่อชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นี่เป็นกติกาสังคมต้องยอมรับ”

หลังจากได้รับการปล่อยตัว “ชูวิทย์” ได้ใช้เวลากับครอบครัวในการเดินทางไปร่วมงานรับปริญญาของลูกสาวที่สหรัฐอเมริกา และตั้งเป้าเมื่อกลับมาจะประกอบอาชีพสุจริต และบอกเล่าเรื่องราวในเรือนจำ ก่อนที่วันที่ 17 ม.ค.60  “ชูวิทย์” ได้สาบานตัวเพื่อขอยุติบทบาททางการเมืองทุกอย่างและขอพรจาก “ศาลเจ้าพ่อเสือ” ให้อวยชัยในอาชีพของเขานั่นคือ “อาชีพสื่อมวลชน” ภาพหลังจากนั้นที่ประชาชนได้เห็น คือภาพของผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ที่เกาะติดเหตุการณ์ข่าวสำคัญอยู่บ่อยครั้ง โดยจะนำประสบการณ์ส่วนตัว และประสบการณ์ที่ได้มาจากเรือนจำมานำเสนอให้กับประชาชน

จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (21 มิ.ย.61) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพิจารณาคดีครั้งแรก คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องว่า “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย ไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยศาลเห็นว่าหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิด พิพากษาจำคุก 2 เดือน ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี นับแต่วันที่ 9 ธ.ค. 56 การรับสารภาพเป็นประโยชน์ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน แต่จำเลยเคยรับโทษจำคุกเกิน 6 เดือน ซึ่งไม่ใช่คดีหมิ่นประมาทหรือลหุโทษ และพ้นโทษมาไม่เกิน 5 ปี จึงไม่อาจรอการลงโทษได้ จึงถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวเข้าเรือนจำไปตั้งแต่เวลา 15.40 น. ทำให้เขาสูญสิ้นอิสภาพเป็นครั้งที่ 2

“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”  กลายเป็นที่รู้จักในช่วงปี พ.ศ.2546 เมื่อเขาได้หายตัวไปขณะที่มีคดีรื้อบาร์เบียร์ที่ถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นคดีที่มีคู่ความเป็นตำรวจนครบาล ต่อมาเขาได้ปรากฎตัวข้างถนน มีสภาพอิดโรย หลังจากนั้นเขาออกมาแฉว่า ถูกตำรวจกลุ่มหนึ่งอุ้มตัวไป คนส่วนใหญ่มักจะจำภาพเขาในการแฉพฤติกรรมการทุจริตต่างๆของตำรวจ จากบุคลิกที่ดุดัน จริงจัง ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นบุคคลที่สนุกสนานเฮฮา ทำให้เป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญอีกบทบาทที่คนรู้จักเขาคือ “เจ้าพ่ออ่างทองคำ”  จากอดีตที่เคยเปิดอาบอบนวดชื่อ “วิคทอเรีย ซีเคร็ท” นั่นเอง



หลังจากขายขายหุ้นในอาบอบนวดทั้งหมด แล้วการลงสมัคร “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” ในนามหัวหน้าพรรคต้นตระกูลไทย การเลือกตั้งครั้งนั้นเขาได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 3 ต่อมาชูวิทย์นำพรรคต้นตระกูลไทย ที่ตนเองเป็นผู้ก่อตั้ง เข้าร่วมกับพรรคชาติไทยและรับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ปี พ.ศ. 2551 ชูวิทย์ได้ลาออกจากพรรคชาติไทยแล้ว ได้จดทะเบียนตั้งพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 51 ชื่อ “พรรคสู้เพื่อไทย”  ต่อมาในวันที่ 17 ก.พ.53 คณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับรองพรรครักประเทศไทย และรับรองสถานะ “ชูวิทย์” ให้เป็นหัวหน้าพรรครักประเทศไทย

 

อ่านต่อ..

จำคุก 2 ปี "ชูวิทย์" คดีรื้อบาร์เบียร์ ไม่รอลงอาญา 

“ชูวิทย์”นอนคุก1เดือน ปมปกปิดบัญชีทรัพย์สิน

 

 

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ