วันนี้ (27 มิ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาระบบอาณัติสัญญาณรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลา 08.30 น. ในสายสุขุมวิท และสายสีลม ส่งผลกระทบให้ขบวนรถบางขบวนเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำ และจอดที่สถานีนานกว่าปกติ การเดินทางถึงสถานีปลายทางล่าช้าประมาณ 30 นาที ทำให้สถานีรถไฟฟ้าหลายแห่งมีผู้โดยสารตกค้างจำนวนมาก โดยเฉพาะที่สถานีหมอชิต ซึ่งเป็นสถานีต้นทาง ภายหลังจากมีประกาศเกิดเหตุขัดข้องจากผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ทำให้ประชาชนต้องเข้าแถวเพื่อเข้าไปยังสถานี และรอที่บริเวณชานชาลาจำนวนมาก ขณะที่ประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยตัดสินใจเดินลงจากสถานี เพื่อเปลี่ยนไปใช้บริการสาธารณะอื่นแทน เช่น เอ็มอาร์ที รถเมล์ แท็กซี่ และรถจักรยานยนต์รับจ้าง จากการสอบถามต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เริ่มไม่เชื่อมั่นในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสว่า จะรวดเร็วและตรงเวลา เพราะขัดข้องบ่อย ขณะที่ล่าสุด บีทีเอส ประกาศผ่านโซเชียล ระบุว่า เวลา 11.50 น. เนื่องจากระบบอาณัติสัญญาณขัดข้อง ในสายสุขุมวิท ส่งผลกระทบให้ขบวนรถบางขบวนจอดที่สถานีนานกว่าปกติ ขออภัยในความไม่สะดวก
อ่าน : เปิดใจผู้โดยสารบีทีเอส ขัดข้องเช้า-สาย-บ่าย-ค่ำ
ด้านรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หรือ เอ็มอาร์ที (MRT) พบว่า เมื่อเวลา 07.41 น. มี default ขึ้นที่หน้าจอว่า “แรงดันเบรกต่ำ” ในรถสายสีน้ำเงินขบวนหนึ่ง ที่เทียบอยู่ที่สถานีเตาปูน จึงเอารถขบวนนั้นออกไปตรวจสอบและเปลี่ยนให้ผู้โดยสารมาขึ้นรถขบวนใหม่ที่ชานชลาอีกฝั่งแทน ปัญหาทั้งหมดแก้ไขได้ใน 4 นาที แต่เนื่องจากสถานีเตาปูนช่วงเช้ามีผู้โดยสารจำนวนมากอยู่แล้ว จึงมีผู้โดยสารสะสมมากในช่วงเช้า
นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการ บริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด เปิดเผยว่า ขสมก. เพิ่มจำนวนรถเมล์บริการประชาชน ระหว่างเกิดเหตุรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องในระยะนี้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เพราะอาจมีผู้โดยสารตกค้าง หรือเปลี่ยนมาใช้บริการรถเมล์แทน ทั้งนี้ ขสมก. ได้จัดเพิ่มรถเมล์เพิ่มเติมในเส้นทางหลักคู่ขนานไปกับเส้นทางรถไฟฟ้า บีทีเอส ทั้งสายสุขุมวิท และสีลม จนถึงวันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน 2561 ตามที่ทาง บีทีเอส แจ้งว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้ประชาชนอีกรูปแบบหนึ่ง
