วันนี้ (6 ก.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทหารกองเกียรติยศ จัดพิธีรับศพ 3 นายทหาร ร้อยโท ณฤพล พุกทอง, ร้อยโท วโรจน์ แปลงกระโทก นักบินสังกัดกองพันบินที่ 21 และร้อยโท เขมราช ดวงแก้ว ผู้บังคับหมวดปืนเล็กที่ 1 กองร้อยทหารราบที่ 1743 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตรวจการณ์ u-17 เกิดประสบอุบัติเหตุตกขณะปฏิบัติภารกิจที่บริเวณป่าใกล้กับบ้านห้วยทรายขาว ต.ห้วยผา อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โดยเครื่องบิน ซี130 ของกองทัพอากาศ ลำเลียงร่างนายทหารมายังท่าอากาศยานทหารทองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศความโศรกเศร้า ส่วนอาการบาดเจ็บของ จ.ส.อ. นัฐชนันท์ เขื่อนแก้ว เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองร้อยทหารราบ 1743 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 วันนี้ถูกส่งตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์มารักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่แล้ว เบื้องต้นพบ กระดูกข้อมือขวาหัก กระดูกชายโครงร้าวและมีไฟคลอกบริเวณใบหน้าลงถึงหน้าอกจนถึงช่องท้อง ทีมแพทย์ได้นำเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการ และเตรียมประเมินเพื่อทำการรักษาต่อไป
เครื่องบินตรวจการณ์ U-17 ประสบอุบัติเหตุตกกลางป่าระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตรวจพื้นที่ และการพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบริเวณแนว ชายแดนเมื่อวานนี้ หลังขาดการติดต่อจากหอบังคับการบินที่ จ.แม่ฮ่องสอน จึงได้สั่งให้นักบินนำเครื่องบินอีกลำขึ้นบินลาดตระเวนค้นหา ไปพบเครื่องบินลำดังกล่าวตกและมีกลุ่มควัน อยู่ทางทิศเหนือ 20 ไมล์ จากสนามบินแม่ฮองสอน จึงได้ส่งกำลังเข้าไปค้นหา
ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หลังทราบสาเหตุเบื้องต้นว่าเกิดจากเครื่องยนต์ขัดข้อง จนทำให้นักบินต้องจอดฉุกเฉิน ระบุว่าเครื่องบินชนิดนี้ประจำการมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี จึงสั่งให้ตรวจสอบเครื่องบินรุ่นเดียวกันนี้ที่ยังเหลืออยู่ว่ามีกี่ลำ และมีสภาพอย่างไรบ้าง
ด้าน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวแสดงความเสียใจกับ กำลังพล 3 นาย ที่ประสบอุบัติเหตุ ขณะนี้ได้สั่งให้ ศูนย์การบินทหารบกตรวจสอบสาเหตุเครื่องบินตกที่แน่ชัด รวมถึงประวัติการซ่อมแซม
สำหรับเครื่องบินลารดตระเวน ยู-17 กองทัพบกได้จัดหามาตั้งแต่ปี 2524 ทั้งหมด 9 ลำ มีการซ่อมแซมไปตามระยะเวลาและปัจจุบันมีใช้งาน 3 ลำ และมีการตรวจสอบสภาพเครื่องบินโดยตลอดไม่เคยประสบปัญหา ส่วนการปลดระวางเครื่องบินรุ่นนี้ที่ใช้งานมากว่า 30 ปี ผู้บัญชาการทหารบก ยืนยันว่า ยังไม่มีแผน พร้อมระบุว่า กองทัพบก ไม่ได้ร่ำรวยและยังมีภารกิจต้องใช้งานตามความจำเป็น
ทางกองทัพบกจะให้การดูแลทุกด้านอย่างเต็มที่และจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ พร้อมปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ชั้นยศ และขอรับพระราชทานยศสูงขึ้นเป็น “พลตรี”ส่วนการดูแลด้านสิทธิกำลังพลและการมอบเงินช่วยเหลือตามสิทธิของทางราชการ ในเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือโดยประมาณ 1.6 - 1.9 ล้านบาท ตามสิทธิของแต่ละคน