วันนี้ (16 ก.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องราวนี่ถูกเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของ นางสาวจีระนันท์ หรือ เมย์ ผู้เสียหาย ระบุว่า เดินทางไปทำศัลยกรรมหน้าอก และตา ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศเกาหลีใต้ แต่กลับพบว่าการผ่าตัดผิดพลาด มีเลือดออกมากผิดปกติ เชื่อว่าเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเชื้อที่พบได้ในโรงพยาบาลและสถานพยาบาลเท่านั้น ต่อมา นางสาวจีระนันท์ จะอาการทรุดมีโอกาสรอดเพียง 10 % ก่อนจะตัดสินใจเข้ารักษาตัวกลับแพทย์ในโรงพยาบาลไทยจนอาการดีขึ้น
ผู้สื่อข่าว พีพีทีวี ติดต่อไปสอบถามข้อเท็จจริงกับ นางสาวจีระนันท์ เปิดเผยว่าการทำศัลยกรรมครั้งนี้ ติดต่อผ่าน เอเจนซี่โรงพยาบาลเกาหลีใต้ ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก หลังศึกษาข้อมูล จนแน่ใจว่าการทำครั้งนี้ไม่น่าเกิดกระทบจึงตัดสินใจเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่ประเทศเกาหลีใต้เพื่อปรึกษาทำศัลยกรรมทันที
หลังเกิดเหตุการณ์ นางสาวจีระนันท์ บอกว่า ต้นสังกัดโรงพยาบาลเกาหลีใต้ รับผิดชอบด้วยการ ออกค่าใช้จ่ายรักษาตัวที่โรงพยาบาลในประเทศไทยทั้ง 2 แห่งให้ทั้งหมด จนกระทั่งออกจากโรงพยาบาล แต่ยังจำเป็นต้องรักษาตัวต่อเนื่อง เธออ้างว่า เอเจนซี่พยายามบ่ายเบี่ยงให้การช่วยเหลือ และหายเงียบไป จนเป็นที่มาของการเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าว
ล่าสุดอาการของ นางสาวจีระนันท์เปิดเผยว่า แม้ภายนอกร่างกายจะสามารถรักษาให้อยู่ในสภาวะปกติแล้ว แต่อาการภายในยังรู้สึกปวดแสบ และเจ็บปวดบริเวณแผลบริเวณผ่าตัด ซึ่งตอนนี้ได้มอบหมายให้ทนาย เข้ามาดูแลเรื่องนี้โดยมีการส่งโนติสเป็นลายลักษณ์อักษรไปถึงแพทย์ที่เกาหลีแล้ว เพื่อเรียกร้องให้เขารับผิดชอบ
น.ส.รัสรินทร์ หรือ อุ้ม ชูสินกวีพัฒน์ ประธานกรรมการบริษัท Korea Surgery Service Thailand เอเย่นต์ที่ประสานนำอดีตนักร้องสาวเดินทางไปทำศัลยกรรมที่โรงพยาบาลจนเกิดติดเชื้อปางตาย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ "Russarin Chusinkawiphat" ชี้แจงระบุว่า "คุณเมตัดสินใจเองที่จะเสริมหน้าอกและทำตาโดยไม่ได้มีการบังคับใด ๆ ทั้งสิ้นจากอุ้ม และคุณเมได้จ่ายชำระเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดกับโรงพยาบาลโดยตรง ไม่ได้จ่ายผ่านอุ้ม แต่เมื่อทราบว่าเกิดปัญหาอุ้มมีความเครียดและกังวลอย่างมากที่สุด พยายามสอบถามและแสดงความเป็นห่วงตลอดไม่เคยทิ้งขว้างกระทั่งนัดเจรจาที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยคุณเมเรียกร้องค่าเสียหายรวม 60 ล้านบาท แต่โรงพยาบาลของเกาหลีชี้แจงว่าไม่สามารถให้ได้ อย่างไรก็ตามยินดีคืนเงินค่าทำหน้าอกให้ 4.41 แสนบาท จ่ายค่าเสียโอกาสในการทำงานให้ 1.2 ล้านบาท และจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดที่เกิดขึ้นในไทย 1,468,641 บาท ขณะที่คุณเมปฏิเสธเรื่องจึงบานปลายสิ่งที่เกิดขึ้นขอให้ทุกคนฟังอีกมุมเท่านั้น ขอบคุณ"
ขณะที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. เปิดเผยว่า กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจากการเหตุการณ์ครั้งนี้ เนื่องจากพบว่าการทำ หัตถกรรมทางการแพทย์ ของแพทย์ชาวเกาหลีใต้ อาจไม่ได้ขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายไทย อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายสถานพยาบาล
ศัลยแพทย์เตือนผ่าเสริมความงามมีความเสี่ยงแนะศึกษาข้อมูลรอบด้าน
ด้าน นพ.อภิรักษ์ ช่วงสุวนิช นายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าการศัลยกรรมได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบันทั้งตา จมูก เต้านมเฉพาะการศัลยกรรมเต้านมในประเทศไทยมีประมาณปีละ 1หมื่นคน ทั้งนี้ การศัลยกรรมทุกประเภทมีความเสี่ยงทั้งสิ้นที่พบบ่อยคือการบวม ช้ำ ส่วนโอกาสเกิดเลือดคั่ง พบได้น้อยกว่า 5% ส่วนภาวะติดเชื้อพบได้น้อยกว่า 3% ขึ้นอยู่กับความสะอาด มีมาตรฐานของสถานที่ที่ทำ และแพทย์ที่ทำ ซึ่งในกรณีการเกิดเลือดคั่ง หรือการติดเชื้อนั้นมักเกิดขึ้นภายใน 5 วันแรก หากผิดสังเกตแพทย์ก็จะดูแล แก้ไขแต่ปัญหาของการทำในต่างประเทศคือเวลาเกิดปัญหาแล้วแพทย์ที่ทำไม่ได้มีโอกาสได้ดู
ทั้งนี้การทำศัลยกรรมที่ได้มาตรฐานจะต้องมีการบันทึกรายละเอียดของการดำเนินการเอาไว้อย่างละเอียดโดยเฉพาะวัสดุ อุปกรณ์ที่ถูกนำมาใช้ เช่นเต้านมเทียมที่ใช้ ต้องระบุอย่างละเอียดว่าเป็นวัสดุอะไร รวมถึงซีเรียลนัมเบอร์ต่าง ๆ เป็นต้นเพราะเป็นข้อมูลสำคัญที่จะใช้ในการดูแลติดตามผลกับผู้ที่มารับบริการ อย่างไรก็ตามการทำศัลยกรรมเต้านมนั้นในระยะยาวมีโอกาสเกิดปัญหาได้ประมาณ 10% เช่น เกิดพังผืดรัดไม่มีอะไรที่จะคงสภาพ 100% ดังนั้นจึงอยากเตือนผู้ที่คิดจะศัลยกรรมว่าให้ศึกษาข้อมูลให้ดีรอบคอบ อย่าเชื่อเพียงคำโฆษณา รีวิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ต่างประเทศหรือประเทศ ไทยการทำศัลยกรรมที่ต่างประเทศใช่ว่าจะดีกว่าที่ประเทศไทย
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่: