นายพิทักษ์ อบสุวรรณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา พร้อม นายพรชัย ชลวาณิชกุล รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และคณะทำงานคดีล้มบอล ร่วมกันแถลงความเห็นอัยการสั่งฟ้อง 15 ผู้ต้องหาในคดี และได้นำตัวส่งฟ้องต่อศาลอาญาแล้ว
โดยผู้ต้องหา แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ นายทุน 5 คน นักฟุตบอลอาชีพ 8 คน และกรรมการผู้ตัดสิน 2 คน ในความผิดร่วมกันล้มบอลและร่วมกันสนับสนุนล้มบอล ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.2556 ซึ่งมีโทษตามกฎหมายฐานเป็นผู้ให้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจให้นักกีฬาอาชีพทำการล้มกีฬา ตามมาตรา 64, ฐานเป็นผู้ใดเรียกรับทรัพย์เพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่นฯ มาตรา 65, ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน เพื่อจูงใจให้การตัดสินไม่เที่ยงธรรม ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ ตั้งแต่ 2 แสน ถึง 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และฐานเป็นผู้ตัดสินเรียกรับทรัพย์สินฯ มาตรา 67 ระวางโทษจำคุก 1 ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 3 แสน ถึง 6 แสนบาท
โดยจากพยานหลักฐานทั้งหมด พบว่าขบวนการล้มบอลนี้ มีการว่าจ้างด้วยเงินหลักล้านบาท แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท ขณะที่นักฟุตบอลที่ตกเป็นผู้ต้องหา อาจถูกตัดสิทธิ์ลงแข่งขันฟุตบอล อย่างน้อย 1 ปี ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ ด้วย
ส่วนผู้ต้องหารายที่ 16 อัยการเห็นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องน้อยสุด จึงสั่งไม่ฟ้องเช่นเดียวกับพนักงานสอบสวนที่ให้กันไว้เป็น พยานตามสำนวนที่ตำรวจเสนอมา
โดยคดีนี้ สืบเนื่องมาจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้เข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า การแข่งขันฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก 2017 มีการกระทำที่เข้าข่ายความผิดในคดีล้มบอล 4 นัดการแข่งขัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งนักฟุตบอลอาชีพและกรรมการผู้ตัดสิน รวม 16 คน โดยการทำสำนวนคดีทั้งหมดมอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามสอบสวน เนื่องจากเกิดความผิดในหลายท้องที่
ทั้งนี้หลังศาลสอบคำให้การจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 10 ก.ย. นี้