เมื่อวันที่ (23 ก.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสคลิปดังข้ามคืน เจ้าสาวขึ้นเวทีกล่าวขอบคุณแขกเพียงลำพัง เนื่องจากเจ้าบ่าวเบี้ยวไม่มางานแต่งวินาทีสุดท้าย โดยอ้างติดปัญหาเรื่องสินสอด ในมุมของ เจ้าสาวน้องมะนาว เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เถ้าแก่เจ้าบ่าว มาทำพิธีสู่ขอเจ้าสาวถึงที่บ้าน โดยตอนแรกพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่ทางเถ้าแก่ฝ่ายชายบอกให้เรียกค่าสินสอดไปตามประเพณี จึงเรียกเงิน 2 แสน และทองคำหนัก 4 บาท กระทั่งก่อนวันแต่งเพียง 1 วัน ญาติเจ้าบ่าวบอกไม่มีเงิน ขอให้แต่ทองคำ ต่อมา ก็บอกว่าไม่มีทองแล้ว จะเอาเงินไปเพียงเงิน 60,000 บาท ทางฝ่ายหญิงก็ไม่ขัดข้อง เพราะต้องการให้เจ้าบ่าวมาเข้าพิธี จนถึงวันแต่งงานกลับไร้เงาเจ้าบ่าว รวมทั้งญาติ ไม่มีมาร่วมงานแม้แต่คนเดียว
ในมุมของฝ่ายชาย นายภาคิน อายุ 18 ปี เจ้าบ่าว ออกมาเปิดใจถึงสาเหตุที่ไม่ไปแต่งงาน คือปัญหาเรื่องสินสอด เจ้าตัวระบุว่าทางบ้านไม่ค่อยมีเงิน เลยขอให้ทางเจ้าสาวช่วยหาเงินค่าสินสอดทั้งหมด ซึ่งเจ้าสาวก็ตอบตกลง แต่ 2 วันก่อนแต่งงาน ฝ่ายหญิงทักไลน์มาบอกว่า ของให้ฝ่ายชายเป็นคนหาเงินเอง เนื่องจากนำเงินไปใช้จ่ายเงินหมดแล้วประมาน 900,000 บาท ขณะนั้นตนเครียด ไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนไปแต่ง
โดยประเด็นต่างๆ ที่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงออกมาตอบโต้ ชี้แจงข้อเท็จจริง มีทั้งประเด็นที่ระบุว่าฝ่ายชาย มีผู้หญิงที่คบหาอีกหนึ่งคน นายภาคิน ก็ยอมรับว่า เป็นแฟนของตนเองที่ได้คบหากันมาก่อนมะนาว แต่ไม่ได้เปิดเผย
ส่วนประเด็นที่ ฝ่ายชายโกหกอายุ 23 แท้จริงแล้ว อายุ เพียง 18 ปีเท่านั้น เรื่องนี้มะนาว ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนแรกไม่รู้อายุจริงๆของฝ่ายชาย มารู้ตอนหลังที่ไปบอกกับญาติฝ่ายชายว่าตนท้อง ประเด็นสุดท้าย ที่มีการตอบโต้กัน คือประเด็นที่หญิงสาวท้อง โดยพ่อถามลูกชายว่า มั่นใจว่าเด็กในท้องเป็นลูกตนหรือเปล่า ภาคิน ฝ่ายชายกลับบอกว่า ไม่แน่ใจ ระหว่างมะนาว ฝ่ายหญิง สวนตอบทันทีว่า ไม่ใช่มีอะไรกันแค่ครั้งเดียว ซึ่งตนใช้ชีวิตด้วยกันประมาณ 2 เดือน ซึ่งพอรู้ว่าท้อง ฝ่ายชาย ก็เป็นคนพูดออกมาว่าจะแสดงความรับผิดชอบ
“เจ้าบ่าวเทงานแต่ง” ในเชิงกฎหมาย ทนายนิติธร แก้วโต เปิดเผยในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวระบุกรณี วิวาห์ล่มว่า ยากที่เจ้าสาวจะเอาผิดกับเจ้าบ่าว เพราะทั้งคู่ยังไม่ได้ หมั้นกัน และยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส แม้จะมีการถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง หรือจัดงานใหญ่โตก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเอาผิดในข้อหาฉ้อโกง หรือทำให้เสียทรัพย์ไม่ได้
ทนายนิติธร มองว่า กรณีนี้ เจ้าสาว อาจดำเนินคดีกับเจ้าบ่าว ข้อหาละเมิด และกระทำการให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ต้องมีหลักฐานที่นำไปพิสูจน์ได้ หรือ มีพยานยืนยันว่าเจ้าบ่าวได้พูดหรือแสดงท่าทีก่อนหน้านี้ว่าต้องการให้งานวิวาห์ล่ม สอดคล้องกับ ทนายเกิดผล แก้วเกิด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว อธิบายถึงประเด็นนี้ว่า การที่เจ้าบ่าวทิ้งงานวิวาห์ เป็นเรื่องของการผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น
การสมรส ที่กฎหมายรับรอง และคุ้มครองให้ มีได้กรณีเดียวคือ #การจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายเท่านั้น การอยู่กินกันฉันสามีภรรยา โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส แม้จะมีการจัดงานแต่งงานใหญโต เชิญแขก มากมายแค่ไหน ในทางกฎหมายก็ถือว่า ไม่ใช่การสมรส แต่การสมรสตามกฎหมาย อาจมีการหมั้นหมาย ก็ได้ ซึ่งหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาหมั้นไม่มาสมรสตามกฎหมาย อีกฝ่ายหนึ้งเรียกค่าเสียหายได้ แต่ถ้าไม่มีการหมั้น แม้ฝ่ายชายจะผิดสัญญา ไม่มาแต่งงาน ฝ่ายเจ้าสาวก็ฟ้องร้องเรียกค่าเสียใดๆไม่ได้
สำหรับเรื่องนี้ ฝ่ายหญิงได้ไปแจ้งความ ให้ดำเนินคดีกับฝ่ายเจ้าบ่าว เนื่องจากได้รับความเสียหาย เพราะเสียค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงาน ทั้งหมดรวม 4 แสนบาท ซึ่งทางตำรวจจะเรียกทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ยในวันพรุ่งนี้