วันนี้ (24 ก.ค. 2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าหอพักที่เกิดเหตุทอมทำร้ายแฟนสาวจนอาการสาหัส กลายเป็นคลิปภาพเผยแพร่จนโด่งดังเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจพหลโยธินได้นำตัวผู้ก่อเหตุมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ผู้ก่อเหตุคือ น.ส.กาญจนา หรือ “โอ” สินประเสริฐ อายุ 27 ปี ได้ทำร้ายร่างกายแฟนสาวคือ “น้องฟาง” จนอาการบาดเจ็บสาหัส บริเวณหอพักใน ซ.รัชดาภิเษก 36 แยก 3 (ซอยเสือใหญ่) แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
โดยก่อนหน้านี้ ผู้ก่อเหตุได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดที่ จังหวัดสุโขทัย จากนั้นตำรวจท้องที่จึงได้คุมตัวกลับมาสอบสวนยัง สน.พหลโยธิน เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยได้มีการสืบสวนตลอดทั้งคืน จนมาถึงขั้นตอนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันนี้
เวลาประมาณ 11.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พร้อมกำลังตำรวจ สน.พหลโยธิน ได้ควบคุมตัว น.ส.กาญจนา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1678/2561 ทำแผนประกอบคำให้การรับสารภาพบริเวณที่ก่อเหตุ ซึ่ง น.ส.กาญจนา ได้ปิดบังใบหน้าเข้ามายังบริเวณหอพักโดยมีตำรวจหญิงดูแลอย่างใกล้ชิด
การทำแผนเริ่มขึ้นบริเวณใต้หอพัก เริ่มตั้งแต่การมีปากเสียงกันเรื่องที่แฟนสาวสงสัยว่าทำไมทอมผู้ก่อเหตุจึงเปลี่ยนรหัสผ่านโทรศัพท์มือถือ ก่อนนำไปสู่การทำร้ายร่างกายจนแฟนสาวล้มลง จากในคลิปภาพ ผู้ก่อเหตุได้ใช้หมวกทำร้ายบริเวณใบหน้าก่อน
จากนั้นทอมผู้ก่อเหตุได้นำรถจักรยานยนต์ขับออกไปหลังจากมีผู้หญิงชุดสีดำเข้ามาช่วย จากคำให้การของผู้ก่อเหตุ อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจหลบหนีและพร้อมให้ปากคำ ส่วนทางด้านผู้เสียหายให้การเบื้องต้นว่า ทั้งสองคบหาดูใจกันมา 7 ปี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่โดนทำร้าย
สำหรับอาการบาดเจ็บของผู้เสียหาย มีอาการบาดเจ็บบริเวณใบหน้าและดวงตา แต่ได้ทำการผ่าตัดดวงตาในวันที่ 23 กรกฎาคม ส่วนทางด้านครอบครัวและญาติของน้องฟางนั้น ได้ไกล่เกลี่ยเจรจากับคู่กรณีให้ชดใช้เป็นเงิน 1 แสน แต่คู่กรณีพยายามต่อรองจนเหลือ 5 หมื่นบาท ซึ่งญาติไม่ยินยอมและยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
หลังเสร็จสิ้นการทำแผน พล.ต.ต.สมพงษ์ เผยว่า ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพแล้วว่าทำจริง โดยอ้างว่าเมาสุรา หลังจากทำแผนเสร็จแล้วจะต้องนำตัวไปตรวจปัสสาวะต่อเพื่อหาสารเสพติดอีกครั้ง และจะนำตัวไปฝากขังในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ค. 2561) ในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ก่อเหตุอาจข่มขู่พยาน และมีพฤติกรรมหลบหนีไปต่างจังหวัดหลังก่อเหตุ
พล.ต.ต.สมพงษ์ ยังชี้แจงว่า ในวันเกิดเหตุ สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาท เมื่อสายตรวจมาถึงก็พบแต่ผู้เสียหาย จึงได้เรียกกู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่เพราะยังไม่มีหลักฐานเพียงพอจึงยังทำการจับกุมไม่ได้ ทั้งนี้เนื่องจากไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า จำเป็นต้องมีหมายจับ เป็นขั้นตอนของการรวบรวมพยาน ขอใบรับรองแพทย์ และขออนุมัติหมายจับ ใช้เวลาไม่เกิน 2 วัน แล้วจึงจับกุมผู้ต้องหาได้
นอกจากนี้ สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น ได้มีการถกเถียงเป็นวงกว้างในโลกออนไลน์เกี่ยวกับผู้เห็นเหตุการณ์ว่าเหตุใดไม่เข้าไปช่วย รอง ผบช.น. ระบุว่า จากการสอบถามเบื้องต้น พยานได้พยายามทำหน้าที่พลเมืองที่ดีแล้ว โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหอพักได้เข้าห้ามเหตุและโทรแจ้งตำรวจ ขณะที่ผู้หญิงที่มาช่วยก็ให้แฟนถ่ายคลิปและพูดคุยให้สถานการณ์ดีขึ้น ส่วนคนข้างในไม่มีคีย์การ์ด ดังนั้น ณ ตอนนี้จึงถือว่ายังไม่เข้าข่ายทำผิดกฎหมายมาตรา 374 อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการสืบสวนยังต้องมีการเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป