เมื่อวันที่ (1 ส.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สิ่งที่หลายหน่วยงาน เฝ้าระวังว่าอาจเกิดเหตุน้ำท่วม คือ อ.เมือง เพราะถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญและอยู่ติดริมแม่น้ำโขง ซึ่งระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ขณะนี้ระดับน้ำใกล้ถึงจุดวิกฤตแล้ว เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และติดตั้งเครื่องสูบน้ำรอบตัวเมืองแล้ว อ.เมืองนครพนม ถือเป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชม. เพราะอยู่ริมแม่น้ำโขงซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ เนื่องจากมีโรงแรม ห้างสรรพสินค้า และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆที่สำคัญหลายแห่ง
จากการตรวจสอบจุดวัดระดับน้ำโขง หน้าเทศบาลเมือง พบว่าน้ำโขงสูง 11 เมตร 95 เซนติเมตร และจุดวิกฤติอยู่ที่ 12 เมตร 45 เซนติเมตร ซึ่งเหลืออีกแค่ประมาณ 50 เซนติเมตร จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงมีปริมาณมากที่สุดในรอบ 20 ปี
ขณะที่ชลประทาน จ.นครพนม คาดการณ์การข้อมูลนักวิชาการลุ่มน้ำโขงแจ้งเตือนว่า วันที่ 2 ส.ค.นี้ น้ำโขงจะสูงขึ้นที่ระดับ 12 เมตร 45 เซนติเมตร และวันที่ 3 ส.ค. จะขึ้นสูงถึง 13 เมตร 70 เซนติเมตร ซึ่งอยู่ในระดับขั้นวิกฤต หากทางประเทศลาวปล่อยน้ำจากเขื่อนลงสู่แม่น้ำโขงเพิ่มมากขึ้น
แม้ระดับน้ำโขงจะใกล้สู่จุดวิกฤต แต่สมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ยืนยันว่าจะสามารถรับมือได้ เพราะ อ.เมือง มีพนังกั้นน้ำยาวรอบตัวเมืองและมีความสูงขึ้นอีก 1 เมตร จากจุดวิกฤต แต่สิ่งที่วังกลคือฝนที่อาจตกหนักลงมาเพิ่ม ซึ่งมีข้อมูลศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบุว่า ฝนจะตกถึงวันที่ 4 สิงหาคม และอาจทำให้น้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง จึงต้องเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณตัวเมืองให้เร็วที่สุด
ส่วนผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากเหตุอุทกภัย นายสุรัตน์ ก้องเกียรติกมลประธานหอการค้า จ.นครพนม บอกว่า น้ำที่ท่วมในหลายอำเภอ และน้ำโขงที่ขึ้นสูงใกล้เข้าสู่จุดวิกฤต ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวริมฝั่งน้ำโขง และใช้จ่ายในอำเภอเมือง ลดลงอย่างมาก และพื้นที่ผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-ลาว 3 จุด ถูกน้ำท่วมเกือบเต็มพื้นที่ ซึ่งทางประธานหอการค้าบอกอีกว่า เศรษฐกิจของจังหวัดปีนี้ถือว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยอย่างมาก
ขณะนี้ จ. นครพนม ได้ประกาศพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย รวม 8 อำเภอ ประกอบด้วย 1.อำเภอท่าอุเทน 2.อำเภอโพนสวรรค์ 3.อำเภอธาตุพนม 4.อำเภอเรณูนคร 5.อำเภอปลาปาก 6.อำเภอเมืองนครพนม 7.อำเภอบ้านแพง และ 8.อ.นาแก และน้ำยังท่วมพื้นที่การเกษตรเสียหายถึง 38,104 ไร่ รวมทั้งมีหมู่บ้านได้รับผลกระทบ 398 หมู่บ้าน อีกสอง อำเภอที่เฝ้าระวังอยู่คือ อำเภอนาหว่า และ อำเภอศรีสงคราม ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดทั้งวัน และเตือนประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำ ให้ยกสิ่งของขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัย
