“เทสลา อิงค์” บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสุดไฮเทค ของ “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีนักประดิษฐ์ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ระหว่างเดือน เมษายน - มิถุนายน ปรากฎว่า ขาดทุนกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 24,500 ล้านบาท ถือเป็นการขาดทุนสูงสุด นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีรายได้ในไตรมาสที่ 2 ประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 140,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 46% โดยได้ปัจจัยหนุนจากการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า “Model 3” ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 49,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1 ล้าน 6 แสนบาท ซึ่งบริษัทสามารถเพิ่มการผลิตได้ถึงสัปดาห์ละ 5,000 คัน ตามเป้าหมาย จากนั้น จะมีการปรับเป้าหมายเพิ่มการผลิตให้ได้สัปดาห์ละ 6,000 คัน ในช่วงปลายเดือน ส.ค นี้ และสัปดาห์ละ 10,000 คันภายในปีหน้า
แม้ว่าตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา เทสลาจะเคยมีผลกำไรแค่เพียง 2 ไตรมาส แต่ อีลอน มัสก์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง ยังมั่นใจว่าบริษัทจะกลับมาทำกำไรได้ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้ โดย มัสก์ เชื่อว่า การผลิตและจำหน่ายรถยนต์ Model 3 จะมีส่วนต่างกำไรเป็นบวก จากการปรับลดโครงสร้างต้นทุนที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปในไตรมาสที่ 2 นี้
ขณะเดียวกันหลายฝ่ายยังคาดว่า เทสลาจะสามาถเริ่มจำหน่ายรถยนต์ Model 3 รุ่นที่มีราคาถูกลงมาคือ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1.2 ล้านบาท ได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
สำหรับราคาหุ้นของเทสลาในตลาดแนสแดก ของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ ปิดตัวที่ ประมาณ 1 หมื่นบาทต่อหุ้น โดยในช่วงไม่กี่ชั่วโมงหลังเปิดตลาด ราคาหุ้นพุ่งถึง 9% เนื่องจากบริษัทยังมีรายได้เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะขาดทุนมากจนทุบสถิติก็ตาม
