นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานเสวนาวิชาการเรื่อง "ใช้พลังงานคุ้มค่า ร่วมพัฒนาเศรษฐกิจไทย" ซึ่งจัดโดย บริษัท ปตท. ว่า การพิจารณาเปลี่ยนแปลงราคาก๊าซหุงต้ม หรือ LPG เดือนเม.ย. นี้ จะพยายามรักษาระดับราคาเดิมไม่เปลี่ยนแปลงซึ่งปัจจุบันราคาอยู่ที่ 24.16 บาทต่อกิโลกรัม โดยจะต้องติดตามราคาการเปลี่ยนแปลงตลาดโลกอีกครั้ง
นายณรงค์ชัย กล่าวว่า เป้าหมายจริงๆ คือ จะมีการเปลี่ยนแปลงราคาแอลพีจีทุกเดือนให้สะท้อนต้นทุน แต่ก็จะพยายามดูแลไม่ให้ราคาขั้นสุดท้ายเปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก แม้ว่าตลาดโลกจะขยับ เพราะกระทรวงคมนาคาเองก็ขอร้องไว้ในส่วนของก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ NGV แต่ในที่สุดก็จะต้องปรับโครงสร้างให้สะท้อนต้นทุน
ทั้งนี้ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยพลังงานก็จะมอง 3 ด้าน คือ
1. เรื่องราคา ที่ผ่านมา มีการปรับโครงสร้างราคาที่บิดเบือนให้สะท้อนต้นทุน การจะเน้นราคาต่ำเกินจริงคงทำไม่ได้ แต่จะดูแลในจุดที่เหมาะสม
2.การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านการผลิต คือ การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนสำรวจขุดเจาะเพื่อให้ก๊าซฯ มีใช้ต่อเนื่อง
3. การลงทุนต่อเนื่องของธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งกระทรวงพลังานจะมุ่งการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนโดยเฉพาะโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือ SPP ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ จำนวนมาก พลังงานทดแทนต่างๆ โดยเฉพาะจากแสงอาทิตย์ ชีวมวลและชีวภาพ
ด้าน นายชวลิต พิชาลัยผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ.กล่าวว่า จะมีการพิจารณาเรื่องราคา LPG เดือนเม.ย. ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ในเร็วๆ นี้ โดยจะตรึงราคาหรือไม่ขึ้นกับมติที่ประชุม อย่างไรก็ตาม จากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับแอลพีจีที่วงเงินน้อยมาก และเดือนมีนาคม ได้ลดเงินกองทุนจาก 0.53 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 0.35บาทต่อกิโลกรัม เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกไม่ให้ปรับขึ้น ดังนั้น. สนพ.จะเสนอ กบง.พิจารณาเกลี่ยกองทุนน้ำมันที่มีประมาณ3.7 หมื่นล้านบาท มาเป็นเงินตั้งต้นสำหรับกองทุน LPG เพื่อให้ LPG สามารถดูแลตนเองไม่ให้มีการอุดหนุนข้ามกลุ่มในอนาคต