เปิดใจ! สาวฉีดฟิลเลอร์ “อกเน่า” เผยต้องผ่าดูดหนอง 13 ครั้ง “ทนายนิด้า” เตรียมร้องแพทยสภา


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรณีหญิงสาวรายหนึ่ง ฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกย่านสีลม จนหน้าอกเป็นหนอง ผู้เสียหาย เผยเหตุผลที่ตัดสินใจทำ เพราะเชื่อมั่นในชื่อเสียงคลินิก และดูรีวิวของดารา ซึ่งหลังจากนั้นต้องผ่าตัดถึง 13 ครั้ง เพื่อดูดหนองออก รวมถึงส่งผลกระทบต่อลูกที่เพิ่งคลอดเมื่อปลายปี 2560 ทนายนิด้า ชี้ เป็นความประมาทของคลินิก ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส

วันนี้ (21 ส.ค.61) นางนวรัตน์ คงบำรุง หรือ ฝ้าย ผู้เสียหายจากการฉีดสารฟิลเลอร์ ที่คลินิกแห่งหนึ่งย่านสีลม จนหน้าอกเป็นหนอง เปิดเผยผ่านรายการเป็นเรื่องเป็นข่าว ว่า เมื่อต้นปี 2555 ตนเข้าไปปรึกษาทางคลีนิคว่าอยากมีหน้าอก โดยทางคลินิกบอกว่าคนกำลังนิยมใช้ฟิลเลอร์ ซึ่งตนก็ได้ดูรีวิวและศึกษามาก่อนพอสมควรแล้ว จึงตัดสินใจทำ เพราะเชื่อมั่นในชื่อแบรนด์ โฆษณา หมอ ชื่อเสียงคลินิก รวมถึงรีวิวของดารา

โดยภายหลังฉีดครั้งแรกอาการก็ปกติดี 3 เดือนต่อมาก็ไปเติมฟิลเลอร์ 1 ครั้ง เพราะหน้าอกเกิดยุบ ทางคลินิกแจ้งว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หลังจากนั้นพอฉีดครั้งที่ 2 ผ่านไปประมาณ 6 เดือน เริ่มมีอาการผิดปกติ หน้าอกยุบ มองรู้ว่าทั้งสองข้างไปเท่ากัน แล้วซ้ำร้ายกว่านั้น คือ หน้าท้องฝั่งซ้ายบวม มีอาการฟิลเลอร์ไหลลงมา ซึ่งหมอของคลินิกแจ้งว่าเป็นปกติ ถ้าไม่อักเสบ คือปกติดี

อย่างไรก็ตาม ตนได้พยายามไปหาหมอที่อื่น แต่ว่าสารฟิลเลอร์ เวลาเอ็กซเรย์ หรืออัลตราซาวด์ จะมองไม่เห็น อีกทั้งตนก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด จึงใช้ชีวิตต่อเป็นปี แค่เห็นว่าบวมขึ้น เวลาเดินรู้สึกได้ว่ามีน้ำอยู่ข้างในท้อง หลังจากนั้นต้นปี 2557 ตนเข้าไปปรึกษากับทางคลินิกอีกครั้ง เพราะเริ่มรู้สึกบวมผิดปกติ และฟิลเลอร์ไหลลงไปยังอวัยวะเพศ จึงปรึกษากับทางคลินิกเพื่อจะดูดออก ทางคลินิกก็ให้ดูดออกแต่มีค่าใช้จ่าย ตอนแรกฉีดฟิลเลอร์เสียค่าใช้จ่าย 120,000 บาท แต่ตอนแก้ไขเสียค่าใช้จ่ายอีก 60,000 บาท และจากนั้นคลิกนิกก็แนะนำให้เสริมเป็นซิลิโคน พร้อมกับลดราคาพิเศษให้ ตนจึงตกลงทำ และใช้ชีวิตต่อมาได้ปกติ

ชมรายการเต็ม : “เหยื่อ” ฟิลเลอร์ทำพิษ เรียก 10 ล้าน ชดเชย “อกเน่า” ต้องผ่าตัด 13 ครั้งเอาหนองออกจากร่าง

 

จนกระทั่งมีลูก วันที่ผ่าคลอด (27 ต.ค.60) คุณหมอที่ทำการผ่าคลอด แจ้งว่าหน้าท้องตนไม่เหมือนคนปกติ ข้างในมีของเหลวลักษณะเยิ้ม ๆ และเป็นโพรงขึ้นไปถึงหน้าอก และจากหน้าท้องเป็นโพรงลงไปถึงอวัยวะเพศ ซึ่งตนแจ้งหมอมาก่อนแล้วว่าเคยฉีดฟิลเลอร์มาและดูดออกไปแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่ เป็นลักษณะเมือกขาว ๆ สีส้มอมเหลือง คุณหมอก็คาดว่าน่าจะหนอง แต่ตนคิดว่าคงไม่ใช่ เพราะสภาพร่างกายไม่คิดว่าจะมีหนองจำนวนมากขนาดนั้น

นอกจากนี้ ลูกตนที่เพิ่งคลอดมีลักษณะตัวสีเขียว ต้องเข้าห้องอบ และเข้าห้องไอซียูเด็กต่อทันที ส่วนตนกลับมารักษาตัวที่บ้านตามปกติ จนกระทั่งต้นเดือน ธ.ค. 60 เริ่มมีอาการไข้ขึ้น ไปหาหมอโรงพยาบาลและคลินิกก็ยังไม่ดีขึ้น ตนจึงรู้สึกว่าผิดปกติ เพราะหน้าท้องเริ่มบวมขึ้น และลุกนั่งไม่ได้ คุณแม่ต้องพยุง และเวลาลุกจะได้ยินเสียงน้ำไหลลงมาในท้อง และเวลานอนก็ไหลย้อนกลับขึ้นมาบนหน้าอก จนหน้าท้องเริ่มบวมมากขึ้น ช่วงนั้นตนมีความรู้สึกว่าแผลที่ดูดฟิลเลอร์เริ่มปริกำลังจะแตก จนไปแตกที่โรงพยาบาล หนองก็ไหลออกมาจนลุกขึ้นเดินไม่ได้ คุณหมอดก็รีบทำการดูดออกให้ ตอนนั้นมีอาการอักเสบติดเชื้อลุกลามไปหมดแล้ว โดยใต้ราวนมด้านขวามีอาการบวมมาก หมออัลตราซาวด์พบว่ามีน้ำ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้เจาะข้างขวา ส่วนข้างซ้ายเปิดแผลตลอดเวลา และช่วงที่นอนโรงพยาบาลต้องล้างแผลตลอดเวลาทุกวัน ขณะที่หลังจากนั้นแฟนตนได้ไปแจ้งกับทางคลินิกที่ฉีดฟิลเลอร์ ว่า ตนมีอาการอักเสบที่เต้านม แล้วจะเอาซิลิโคนออก แต่ทางคลินิกแจ้งกลับมาว่า ซิลิโคนเต้านมถ้าหากอักเสบให้ไปเอาออกที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกลับมาคลินิก

ฝ้าย กล่าวต่อว่า ตอนที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ต้องขอมอร์ฟีนทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง ขอเยอะจนปัจจุบันกลายเป็นว่าตนแพ้มอร์ฟีน เพราะปวดระบมไปทั้งตัว บวกกับหนองที่ไหลจนลุกขึ้นยืนไม่ได้ ทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้รับการผ่าตัดมา 13 ครั้ง เพื่อระบายหนองออก ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2560 จนถึงปัจจุบัน ในทุก ๆ 3 วัน ต้องเข้าห้องผ่าตัด ซึ่งจะต้องดูเนื้อเยื่อว่าตรงไหนอักเสบ คุณหมอก็จะทำการขูดและล้างออก จนถึงตอนนี้คุณหมอก็ยังระบุไม่ได้ว่าหนองหมดจากในตัวแล้วหรือไม่

นางสาวศรันยา หวังสุขเจริญ ทนายนิด้า กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นความประมาทของคลินิก ที่ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วทางคลินิกก็ไม่รับผิดชอบอะไร ซึ่งทางคลินิกคงมองแต่ในส่วนตัวเองว่า ผู้เสียหายตัดสินใจเข้ามาทำเอง ตนเข้าใจว่าการทำศัลยกรรมอาจไม่ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ควรที่จะไม่ปลอดภัยมากขนาดนี้ ไม่ควรมีความเสี่ยงในระดับที่มาก โดยถือว่าผู้เสียหายได้รับผลกระทบมาก แต่ไม่ได้มีการชดใช้เยียวยา การเสียโฉมจะติดตัวไปกับผู้เสียหาย รวมถึงผู้เสียหายต้องรับความทุกขเวทนาอยู่บนเตียง โดยหน้าท้องที่ถูกกรีดออกเพื่อระบายหนอง จะถูกเปิดไว้อยู่แบบนั้นปิดไม่ได้ เพราะหนองไหลออกตลอดเวลา หมอต้องนำผ้าก็อตก็ยัดไว้อยู่ตลอด เพื่อป้องกันหนองไหล และตอนซับหนองออก ก็ต้องเปิดท้องแล้วเอาผ้าก็อตยัดลงไป ซึ่งทำผู้เสียหายเจ็บปวดทรมานมาก และพรุ่งนี้ (22 ส.ค.61) จะเดินทางไป กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และแพทยสภาให้พิจารณาว่าสมควรหรือไม่ที่ต้องเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพของแพทย์ และให้ไปตรวจสอบคลินิกดังกล่าวว่าเปิดบริการถูกต้องหรือไม่ สารฟิลเลอร์ที่นำเข้ามามีความปลอดภัยต้องผู้ใช้หรือไม่ และต่อให้ปลอดภัย ก็ต้องดูว่าถูกหลักตามวัตถุประสงค์หรือไม่


 

 

ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ