โดยซากเครื่องปรินเตอร์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซากจอโทรทัศน์ โฟมในตู้เย็น แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และสายไฟขนาดใหญ่ที่บรรจุมาในถุงบิ๊กแบ๊ก คือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูหพบทิ้งในที่ดินของนายฐาปรี มีน้อย แถวริมคลองชลประทาน หมู่ที่ 5 ต.ดอนพุทรา อ.ดอนตูม จ.นครปฐม และถูกร้องเรียนจากชาวบ้าน เพราะอยู่ใกล้แหล่งน้ำ และเกรงว่าจะเป็นขยะพิษ
เจ้าของที่ อ้างว่า เป็นผู้เสนอให้ผู้ประกอบการนำขยะมาทิ้งในที่ดินของเขาเอง ผ่านร้านรับซื้อของเก่าประมาณ 10 แห่ง เพราะต้องการใช้ขยะมาถมที่แทนดิน โดยใช้เวลาราว 1 ปี ถมที่มาอย่างต่อเนื่อง และยังยอมรับว่าได้ประโยชน์จากการคัดแยกขยะด้วย แต่เขายังเชื่อว่า ขยะที่พบในที่ดินของเขา ไม่ใช่ขยะอิเล็กทรอนิกส์
แต่การลงพื้นที่ของวิศวกรชำนาญการ จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม กลับให้ความเห็นว่า กรณีนี้คล้ายกับที่ อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งชาวบ้านทำกิจการคัดแยกขยะ ไม่ใช่โรงงานอุตสาหกรรม จึงอ้างว่า ซากอุปกรณ์ต่างๆที่พบ ยังเข้าข่ายเป็นเพียงขยะชุมชน ไม่ใช่ขยะจากโรงงานอุตสาหกรรม ไม่สามารถเอาผิด ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย หรือบังคับใช้กฎหมายของกระทรวงอุตสาหกรรมได้
นายไพรวัลย์ เหล็กดี เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า อ้างว่า เพิ่งนำขยะพวกเศษพลาสติกมาทิ้งที่บ่อแห่งนี้เพียง 2 ครั้ง และไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ โดยยืนยันขยะที่เห็นไม่ใช่ของตัวเองทั้งหมดพร้อมนำเอกสารบันทึกข้อเท็จจริงมาแสดงต่อผู้สื่อข่าว หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบไปเมื่อเดือนมิถุนายน และลงความเห็นว่า “ไม่ปรากฎขยะอิเล็กทรอนิกส์ และวัตถุอันตราย” ภายในร้าน
โดยในการประชุมแก้ไขปัญหาลอบทิ้งขยะ ที่มีนายกำธร เวหน นายอำเภอดอนตูม เป็นประธานประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่า จะเอาผิดทั้งเจ้าของที่ และคนที่นำมาทิ้ง ตามพ.ร.บ.สาธารณสุข มาตรา19 และผิดข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบล ดอนพุทรา
และสั่งให้เจ้าของที่ดิน และร้านรับซื้อของเก่า ที่นำมาขยะทิ้งที่บ่อดินแห่งนี้ รีบเคลื่อนย้ายขยะออกจากพื้นที่ ภายใน 1 เดือน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป