วันนี้ (25 ก.ย.61) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เตรียมนำพยานหลักฐานพร้อมทั้งคลิปเสียงที่เปิดเผยผ่านทางเฟซบุ๊ก เข้าร้องเรียนต่อสภาทนายความเพื่อให้ตรวจสอบกระบวนการวิ่งเต้นคดีซึ่งมีทนายความเกี่ยวข้องด้วย โดยใช้ช่องทางกระบวนการขอลดโทษทางกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2 เนื่องจากผู้กระทำความผิดให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าพนักงาน ทำให้ศาลลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดได้
นายอัจฉริยะ บอกว่า ทางสภาทนายความต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคลิปเสียงและหลักฐานต่างๆ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณา ซึ่งตนได้เตรียมนำหลักฐานต่างๆ ไปร้องเรียนต่อสภาทนายความในช่วงบ่ายของวันนี้ต่อไป
ขณะที่ นายวันชัย สอนศิริ อดีตเลขาธิการสภาทนายความ เปิดเผยกับทีมข่าวทีมข่าวพีพีทีวี ว่า ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ มาตรา 100/2 อาจมีช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ต้องหารับโทษน้อยลงได้ ซึ่งผู้กระทำผิดจะต้องแจ้งเบาะแสยาเสพติด จนนำไปสู่การจับกุมเครือข่ายยาเสพติดที่ใหญ่กว่า แต่ก็จะมีกลุ่มนักกฎหมายและเจ้าหน้าที่บางคนใช้ช่องทางดังกล่าวในการแสดงหาผลประโยชน์ จนในระยะหลังศาลอาจจะไม่รับฟังข้อมูลดังกล่าวเพื่อลดโทษให้กับจำเลย
สำหรับสาระสำคัญตามกฎหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ มาตรา 100/2 คือข้อมูลที่ตำรวจได้จากผู้ต้องหาหรือจำเลย และต้องเป็นข้อมูลที่เป็นความลับหรือข้อมูลใหม่ที่สำคัญ โดยเจ้าหน้าที่ไม่สามารถหาได้เอง ทำให้สามารถขยายผลจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้
ส่วนเรื่องการกำหนดค่าใช้จ่ายของทนายความนั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งต้องคำนึงถึงความยากง่ายของแต่ละคดี รวมทั้งระยะเวลาการทำงาน โทษของจำเลยหนักหรือเบา และทุนทรัพย์ของแต่ละคน ซึ่งผู้ต้องหาในคดียาเสพติดส่วนใหญ่มักจะมีเครือข่ายต่างๆอยู่เบื้องหลังและมีเงินทุนสนับสนุนในการต่อสู้คดี
ขณะที่ นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา เลขาธิการสภาทนายความ กล่าวว่า ทางสภาทนายความจะตรวจสอบข้อมูลของประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมก่อนว่ามีมูลความจริงหรือไม่ โดยเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมให้พิจารณาในวันที่ 27 กันยายนนี้ ซึ่งหากเรื่องดังกล่าวมีมูลความจริง ตามขั้นตอนแล้วก็จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบมรรยาททนายความที่เกี่ยวข้องต่อไป
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >>> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้