เมื่อวันที่ (30 ก.ย. 61) ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ผมสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ ระดับปริญญาตรีด้านเภสัชศาสตร์ จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระดับปริญญาโทด้านการตลาด จากคณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ประเทศสหรัฐอเมริกาครับ
อย่างที่ท่านทราบ ผมเป็นลูกศิษย์ของ อาจารย์ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และท่านสมคิดได้ส่งต่อให้ผมได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์ของ ศ.ฟิลิป คอตเลอร์ (Philip Kotler) อาจารย์ด้านการตลาดที่ Kellogg Graduate School of Management, Northwestern University โอกาสในครั้งนั้นทำให้ผมได้เขียนหนังสือ“The Marketing of Nations : A Strategic Approach for Building the National Wealth” ร่วมกับอาจารย์ทั้ง 2 ท่าน คือ ศ.ฟิลิป คอตเลอร์ และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นอกจากนี้ระหว่างที่ผมได้มีโอกาสช่วยงานท่านสมคิดทางการเมืองช่วงปี 2546 จนถึงปัจจุบันผมยังเขียนหนังสืออีกหลายเล่ม โดยส่วนใหญ่เนื้อหาจะบอกเล่าถึงความเป็นไปของโลกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น “เมื่อโลกไม่ใช่ใบเดิม” “โลกพลิกโฉม: ความมั่งคั่งในนิยามใหม่ (Post Knowledge Based Society), “จุดเปลี่ยนประเทศไทย : เศรษฐกิจพอเพียงในกระแสโลกาภิวัฒน์” และเล่มล่าสุด “โลกเปลี่ยน ไทยปรับ: หลุดจากกับดัก พ้นจากชาติที่ล้มเหลว” เป็นต้น
โดยได้มีโอกาสทำงานในภาคการศึกษา ซึ่งเป็นผู้อำนวยการ Sasin Institute of Global Affairs ที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำงานกับบริษัทเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงองค์กรของรัฐในระดับบริหารและการให้คำปรึกษาในเชิงนโยบาย อาทิ บริษัท LEK Consulting บริษัท Booz Allen & Hamilton หรือการเป็นกรรมการบริษัทเอกชนต่างๆ อาทิ บมจ.ไทยออยล์ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ บมจ. น้ำมันพืชไทย หรือในสายการเงินการลงทุน เช่น กรรมการธนาคารนครหลวงไทย และเป็นที่ปรึกษา ตลาด MAI ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครับ
ประสบการณ์ตรงนี้เองที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ มีประสบการณ์และเข้าใจในมุมมองของภาคธุรกิจ การได้เห็นภาพใหญ่ในเชิงมหภาคที่จะวางนโยบายเพื่อรองรับและขับเคลื่อนงานต่างๆ