“ทนายอนันต์ชัย” ยืนยัน “ลุงวิศวะ” สมัครใจวิวาทกลุ่มวัยรุ่น


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“ทนายอนันต์ชัย” ยืนยัน “ลุงวิศวะ” สมัครใจวิวาทกลุ่มวัยรุ่น หากใจเย็นลงกว่านี้หยุดรถไม่ขับไล่ตาม คดีนี้ก็ไม่เกิดขึ้น เชื่อที่ “ลุงวิศวะ” เลือกที่จะก่อเหตุเพราะตัวเองมีอาวุธปืนจึงทำให้ขาดสติ

จากกรณีศาลมีคำพิพากษาจำคุกคดีนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ อายุ 50 ปี วิศวกร หรือลุงวิศวะ ก่อเหตุยิงเข้าใส่กลุ่มวัยรุ่นที่กรูเข้าล้อมรถเก๋งและพยายามจะเข้าทำร้าย ทำให้นายนวพล หรือปอน ผึ่งผาย อายุ 17 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ บริเวณสามแยกถนนอ่างศิลา ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2560 โดยศาลมีคำพิพากษาจำคุก 15 ปี และลดโทษ 1 ใน 3 เหลือ 10 ปี เพราะ สมัครใจวิวาท พร้อมชดใช้ค่าเสียหาย แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงกันในสังคมว่าการกระทำของลุงเป็นการป้องกันตัว นั้น

วันนี้ 1 ต.ค.2561 รายการ “เป็นเรื่องเป็นข่าว”  ได้เชิญ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ มาพูดคุยในรายการและอธิบายทำไมศาลถึงมีคำพิพากษาดังกล่าว

ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า  เหตุการณ์ดังกล่าวจะเห็นว่าในคลิปแรกที่วัยรุ่นไปรุมลุงวิศวะ ถูกปล่อยออกมาในสังคมโซเชียล คนคิดว่ากลุ่มวัยรุ่นผิดแน่นอน และ “ลุงวิศวะ” ทำลงไปเพื่อป้องกันตัว ต่อมามีคลิปที่ 2 ออกมา จะเห็นได้ว่า ลุงวิศวะ จอดรถอยู่ จากนั้นมีรถตู้ของกลุ่มวัยรุ่น ก็ขับมาจอดขวางด้านหน้า ลุงวิศวะ และภรรยาได้ตะโกนตอบโต้กับกลุ่มเด็กวัยรุ่น ในทางกฎหมายเหตุการณ์นี้ถือว่าไม่ได้ชวนทะเลาะ

แต่เมื่อคลิปที่ 3 ปรากฏจึงเฉลยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะลุงวิศวะได้ขับตามรถตู้ของกลุ่มวัยรุ่น พร้อมบีบแตร ซึ่งในเมืองไทยบีบแตรในลักษณะดังกล่าวถือว่าด่ากัน และพยายามเบรครถเพื่อให้รถตู้ชนท้าย ในคำพิพากษาของศาลก็ระบุด้วยว่า ภรรยาของลุงวิศวะ ได้กระจกลงแล้วถ่ายรูปกลุ่มวัยรุ่น ที่ตนในฐานะนักกฎหมาย การกระทำดังกล่าวถือว่า ลุงวิศวะผิดเนื่องจากสมัครใจยั่วยุ ทั้งบีบแตร ถ่ายรูป และ เบรคเพื่อจะให้รถตู้ชนท้าย  ถ้าลุงวิศวะจอดรถไม่ขับตามไปคดีนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ในคำพากษาของศาลก็บอกว่า ถ้าลุงวิศวะใจเย็นลงนิดหนึ่งคดีนี้ไม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะศาลได้พิเคราะห์แล้วว่า ลุงวิศวะ มีวุฒิภาวะ และมีสติ มากกว่ากลุ่มเด็กวัยรุ่น เวลาที่ศาลจะพิพากษาจะต้องดูเรื่องวุฒิภาวะ ทั้งอายุ การศึกษา และอาชีพ ซึ่งลุงมีอาชีพเป็นวิศวะ ถือว่ามีวุฒิภาวะสูง และมีสติ แต่ที่ลุงวิศวะ เลือกก่อเหตุเพราะตัวเองมีอาวุธปืนจึงทำให้ขาดสติ  ตนเองจึงอยากบอกว่า คนเราเวลามีปืนมักจะคิดว่าตัวเองใหญ่ไม่กลัวใคร เมื่อไม่กลัวก็พร้อมที่จะเผชิญหน้า การพกพาอาวุธ ถือว่าผิดกฎหมาย หากต้องการพกพา ก็ต่อเมื่อมีเดินทางไปในที่เปลี่ยวต้องปกป้องทรัพย์สิน และจะต้องแยกกระสุน และปืน ออกจากกันด้วย อยากจะบอกว่าคนมีอาวุธปืนเท่ากับขาข้างหนึ่งเข้าคุกไปแล้ว

ส่วนในคลิปมีเสียงลุงวิศวะบอกว่ามากับครอบครัวพอแล้วมีเด็กและต้องการยุตินั้น ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ที่ลุงพูดแบบนั้นเป็นการพูดในรถซึ่งได้ยินแค่ คนในรถคนอื่นไม่ได้ยิน และ ในภาพก็เห็นได้ว่ากลุ่มวัยรุ่นเดินมาด้วยมือเปล่าไม่มีอาวุธ ถ้าเป็นตนปิดประตูแล้วขับรถจากที่เกิดเหตุ หรือล็อคประตูแล้ว บีบแตรให้คนแถวนั้น หรือให้หน่วยกู้ภัยได้ยินจะได้เข้ามาช่วยเหลือ

“การจะอ้างเรื่องป้องกันตัวจะต้องไม่มีการชวนทะเลาะ และ การอ้างป้องกันก็ไม่ผิดกฎหมาย คดีนี้ถ้าไม่มีคลิปวีดีโอลุงวิศวะอาจจะรอดได้ และการที่แกมีคลิปเท่ากับการฆ่าตัวเอง เพราะคลิปสามารถบอกถึงอารมณ์ของลุงวิศวะได้ ผมอยากให้ประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้มีสติทุกอย่างมีเหตุและปัจจัย ไม่ใช่อยู่เด็กวัยรุ่นจะมาทำร้าย  และถ้าดูบริบทเรื่องนี้แล้ว ลุงวิศวะไปหาเรื่องกลุ่มวัยรุ่นก่อน”

สำหรับหลักเกณฑ์ การพิจารณา ป้องกันตัวคือ ภยันอันตรายใกล้ตัวไม่มีทางหลีกหนี และ ภยันอันตรายโดยมิชอบ

ดูคลิปเต็มได้ที่นี่>>> “เป็นเรื่องเป็นข่าว” - “ลุงวิศวะยิงโจ๋” สมัครใจวิวาท?

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ