นางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ วัย 46 ปี เดินทางเข้าพบกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว หลังจากที่เธอตัดสินใจยื่นใบลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว โดยทรัมป์ ได้กล่าวชื่นชม เฮลีย์ว่าทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม และช่วยตัวเขาแก้ปัญหาได้หลายเรื่อง โดยเธอจะยังทำหน้าที่นี้ต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้
ที่ผ่านมา นางเฮลีย์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้หญิงเพียงไม่กี่คน ที่ได้ทำงานในคณะรัฐบาลของทรัมป์ ถูกหลายฝ่ายจับตามองว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในแวดวงการเมืองสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เธอยืนยันแล้วว่า ตนเองไม่ได้มีแผนจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2020 อย่างที่ลือกัน โดยเธอได้แจ้งทรัมป์ให้ทราบตั้งแต่ 6 เดือนที่แล้วว่าต้องการเวลาพักผ่อน แต่ก็ยังไม่ได้วางแผนไว้ชัดเจนว่าจะทำอะไรต่อไปหลังจากนี้
ส่วนผู้ที่จะมารับหน้าที่เอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติคนใหม่ คาดว่าจะมีการเสนอชื่อในอีก 2-3 สัปดาห์ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า อิวานกา ทรัมป์ ลูกสาวของเขา อาจขึ้นมารับตำแหน่งนี้แทน ซึ่งทรัมป์ชี้แจงว่า อิวานกาเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้าเลือกเธอ ผมคงโดนข้อครหาเรื่องเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ตัวเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุดตอนนี้ จึงอาจเป็น “ดีนา พาเวลล์” อดีตรองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทรัมป์
สำหรับการลาออกของนางเฮลีย์ นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างกะทันหัน แม้แต่ทีมงานของเธอเอง รวมถึงหรือนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ก็เพิ่งจะทราบเรื่องนี้ ขณะที่สำนักข่าว CNN มีการตั้งข้อสังเกตว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงเธอตัดสินใจลาออก หนึ่งในนั้น คือ ออกไปลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเจ้าตัวออกมาปฏิเสธแล้ว
อีกทฤษฎีหนึ่ง คือ ผลงานด้านการต่างประเทศของเธอเริ่มไม่โดดเด่น เท่ากับบรรดาคนโปรดคนอื่นๆ ของทรัมป์ โดยเฉพาะนายปอมเปโอ เธอจึงตัดสินใจชิงลาออก ก่อนที่จะถูกทรัมป์ปลดเสียเอง และทฤษฎีสุดท้าย เชื่อกันว่า อาจจะถูกภาคเอกชนซื้อตัว เพราะเธอเองก็มีครอบครัว และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง การไปทำงานกับภาคเอกชน ค่าตอบแทนน่าจะดีกว่า
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >>> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้