แพทยาสภา สอบคลินิกฉีดยาก่อนร้อยไหมหญิง 72 ปี เสียชีวิต


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน คดีหญิงวัย 72 ปี เสียชีวิตหลังฉีดยาชา ก่อนกำลังจะร้อยไหมเสริมความงาม โดยตั้งข้อสงสัยจากผลชันสูตรศพ พบผู้ตายมีภาวะตับแตก-ซี่โครงหัก อาจเกิดขึ้นจากการถูกปั๊มหัวใจผิดวิธีและแรงเกินไป ส่วนแพทยสภาเตรียมเอาผิดเจ้าของคลินิกและพยาบาลที่ทำงานในสถานความงามย่านทาวน์อินทาวน์

วันนี้ (13 ต.ค.61) สำนักเลขาธิการแพทยสภา เปิดเผยว่า รับทราบเรื่องหญิงวัย 72 ปี เสียชีวิตหลังฉีดยาชาและกำลังจะร้อยไหม ภายในคลินิกเสริมความงามย่านทาวน์อินทาวน์แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบการทำหน้าที่ของแพทย์เจ้าของไข้และพยาบาล เพื่อลำดับเหตุการณ์ในช่วงระหว่างเตรียมการร้อยไหม ว่าได้ทำอะไรกับคนไข้บ้าง หลังพบว่าผู้ตายอาจมีภาวะแพ้ยาชาตามกระแสข่าว และยังต้องหาสาเหตุอื่น หลังผลชันสูตรแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ระบุว่า ผู้ตายมีภาวะตับแตก-ซี่โครงหัก แต่ผลการตรวจสารเคมีในร่างกาย ยังต้องรออีก 15 วัน

โดยชุดสืบสวนสอบสวน สน.วังทองหลาง สันนิษฐานว่า หญิงวัย 72 ปี อาจจะแพ้ยาชาที่ทางคลินิกฉีดให้คนไข้ 12 ซีซี จำนวน 24 เข็ม จนมีความดันต่ำ ส่งผลให้ชีพจรและหัวใจหยุดเต้น ส่วนที่ผลชันสูตรบอกว่าผู้ตายตับแตกและซี่โครงหัก ตำรวจยังตั้งสมมติฐานว่า อาจเกิดจากการที่แพทย์และพยาบาล ทำ ซีพีอาร์ (CPR) หรือ ปั๊มหัวใจรุนแรงกับผู้สูงวัยที่อวัยวะภายในบอบบางจนทำให้ซี่โครงของผู้ป่วยหัก แต่อาการตับแตก ยังต้องหาข้อเท็จจริงเพิ่ม โดยเวลานี้ ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้มากกว่านี้

พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงศ์รัฐพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า สาเหตุการตายอาจจะมีความชัดเจนสัปดาห์หน้า ถ้าแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ส่งผลตรวจสารเคมีในร่างกายหญิงวัย 72 ปี ได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ พ.ต.อ.สิทธิ์ชัย ผกก.สน.วังทองหลาง เรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน หลังจากที่พนักงานสอบสวนและกองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เข้าตรวจสอบ คลินิกที่เกิดเหตุ และตรวจยึดเตียงผู้ป่วยที่เสียชีวิต ตัวอย่างยาที่ใช้ฉีดรักษาผู้ป่วย และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ไว้เป็นของกลาง โดยพบว่าคลินิกแห่งนี้ ไม่ได้ขอใบอนุญาตประกอบสถานพยาบาล จึงเรียกแพทย์เจ้าของคลินิก มารับทราบข้อกล่าวหา ประกอบสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และจะนำคำให้การของแพทย์คนดังกล่าว ไปประกอบกับพยานอื่น ๆ และจะสอบพยานที่เกี่ยวข้อง เช่น พยาบาล ผู้ช่วย และผู้ที่เกี่ยวข้องในคลินิกตามภาพจากกล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ จากนั้นจะนำสำนวนคดี ส่งให้แพทยสภาพิจารณาว่าการรักษา เป็นไปตามขั้นตอนของแพทย์หรือไม่ หากไม่เป็นไปตามขั้นตอน จะถูกแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเพิ่ม พร้อมจะตรวจใบประกอบโรคศิลป์เพิ่ม เพราะมีข้อมูลว่า ใบประกอบโรคศิลป์ที่ใช้ ชื่อไม่ตรงกับแพทย์คนนี้ แต่นามสกุลตรงกัน

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ